รีเซต

นายกฯ ลงพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา คาดน้ำท่วมบรรเทาใน 2 - 3 สัปดาห์

นายกฯ ลงพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา คาดน้ำท่วมบรรเทาใน 2 - 3 สัปดาห์
TNN ช่อง16
10 ตุลาคม 2568 ( 19:10 )
10

วันนี้ (10 ต.ค. 68) ที่อาคารศูนย์เรียนรู้และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวสำนักชลประทานที่ 12 เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและแผนบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยา พร้อมด้วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รมช.มหาดไทย เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท–อุทัยธานี และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง

นายอนุทิน กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อประเมินสถานการณ์น้ำและเยียวยาประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม โดยเฉพาะพื้นที่ ต.พิจิตร–ชัยนาท–สิงห์บุรี พบว่าน้ำท่วมขังหลายจุด แต่เนื่องจากเข้าสู่ปลายฤดูฝน หากไม่มีฝนตกเพิ่ม สถานการณ์จะลดความรุนแรงลงภายใน 2–3 สัปดาห์ ทั้งนี้รัฐบาลให้ความสำคัญกับความเดือดร้อนของประชาชนเป็นลำดับแรก และสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบาย น้ำ รวมถึงจัดเตรียมการช่วยเหลือผู้เดือดร้อนอย่างเร่งด่วน

ในการประชุม นายอนุทินได้มอบหมายให้คณะกรรมการย่อยด้านการเยียวยาและการบริหารจัดการน้ำ (คอภ.) ดำเนินการอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการเยียวยาครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบเกินกว่า 7 วันจนถึง 90 วัน (3 เดือน) และย้ำว่ารัฐบาลชุดนี้เข้าใจตรงกันว่า “ความเดือดร้อนของประชาชนต้องแก้ไขทันที” พร้อมกำชับให้ข้าราชการประจำพื้นที่ “เอาประชาชนเป็นตัวตั้ง” ทั้งเรื่องระบาย น้ำและช่วยเหลือเยียวยา

รมช.มหาดไทยระบุว่า ระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลดลงต่อเนื่องจาก 2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เหลือประมาณ 2,200–2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งทำให้โอกาสเกิดน้ำท่วมกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีน้อย ขณะเดียวกัน หากพื้นที่ต้นน้ำมีการปลูกป่าเพิ่มเติมจะช่วยชะลอการไหลของน้ำและลดการพังทลายของหน้าดิน โดยพื้นที่เขาหัวโล้นทั่วประเทศ 8–10 ล้านไร่ สามารถเก็บน้ำได้ประมาณ 700–800 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ การฟื้นฟูป่าต้นน้ำจึงเป็นมาตรการระยะยาวที่สำคัญ

สำหรับการเยียวยา ระยะสั้น ครม. เตรียมอนุมัติเงินช่วยเหลือกว่า 6 แสนครัวเรือน รวม 6,000–7,000 ล้านบาท ครัวเรือนละ 9,000 บาท ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งจ่ายเงินให้ประชาชนโดยเร็ว นอกจากนี้ยังมีการแจกถุงยังชีพแล้ว 3,700 ชุด และเตรียมเครื่องสูบน้ำ 50 เครื่องเพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ต่ำ

ด้านมาตรการระยะยาว นายกฯ เน้นโครงการบริหารจัดการน้ำบางบาล–บางไทร และโครงการป่าสัก–อ่าวไทย ซึ่งอยู่ระหว่างการปรับปรุงรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยหากสำเร็จจะช่วยตัดน้ำก่อนถึงเขื่อนเจ้าพระยา ลดผลกระทบต่อประชาชนท้ายเขื่อน และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำในภาพรวมอย่างยั่งยืน พร้อมใช้ทุ่งรับน้ำ 10 แห่งเพื่อรองรับน้ำหลากโดยไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน

ผู้ว่าฯ ชัยนาทรายงานว่า ปัจจุบันมีประชาชน อ.สรรพยา เดือดร้อนประมาณ 1,700 ครัวเรือน แต่ทุกคนปลอดภัย และพื้นที่เหนือเขื่อนสถานการณ์คลี่คลายแล้ว การเตรียมพร้อมรวมถึงการตัดไฟชั้นล่างของบ้านเรือนและการซักซ้อมแผนฟื้นฟูหลังน้ำลด เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ

นายกฯ เน้นย้ำว่าการบริหารจัดการน้ำและการเยียวยาประชาชนจะต้องเร่งด่วนและเป็นระบบ รัฐบาลจะไม่ใช้ความเดือดร้อนของประชาชนหา ผลประโยชน์ และพร้อมสร้างโครงสร้างพื้นฐานน้ำที่ยั่งยืนเพื่อป้องกันน้ำท่วมซ้ำซากในอนาคต

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง