รีเซต

กมธ.งบ'66 เดินหน้าถก 'งบคลัง' แบงก์ชาติคาด 'จีดีพี' จะฟื้นตัวในระดับก่อนมีโควิด เงินเฟ้อลดลง

กมธ.งบ'66 เดินหน้าถก 'งบคลัง' แบงก์ชาติคาด 'จีดีพี' จะฟื้นตัวในระดับก่อนมีโควิด เงินเฟ้อลดลง
มติชน
8 มิถุนายน 2565 ( 12:12 )
102
กมธ.งบ'66 เดินหน้าถก 'งบคลัง' แบงก์ชาติคาด 'จีดีพี' จะฟื้นตัวในระดับก่อนมีโควิด เงินเฟ้อลดลง

ข่าววันนี้ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 มิถุนายน ที่รัฐสภา นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายงบประมาณประจำปี พ.ศ.2566 แถลงผลการประชุม กมธ.งบประมาณ ว่าในการพิจารณาเมื่อวานนี้ (7 มิถุนายน) เป็นการพิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ งบประมาณรายจ่าย และการตรวจสอบงบการเงินของหน่วยรับงบประมาณ 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง, สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), สำนักงบประมาณ, สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน โดย ธปท.ชี้แจงภาวะเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมว่ากำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2565 และปี 2566 โดยปัจจัยเกิดจากอุปสงค์และภาคการท่องเที่ยวในประเทศ

 

นายเผ่าภูมิกล่าวว่า ส่วนสถานการณ์สู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครนไม่ได้กระทบกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม แต่มีผลกระทบทางอ้อมเกี่ยวกับการเกิดเงินเฟ้อ สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น เห็นว่าการแพร่ระบาดของสายพันธ์ุโอมิครอนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจน้อยกว่าการระบาดช่วงสายพันธ์ุเดลต้า

 

นายเผ่าภูมิกล่าวต่อว่า ธปท.คาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจ หรือผลผลิตมวลรวมของประเทศ (จีดีพี) จะกลับมาฟื้นตัวอยู่ในระดับก่อนการระบาดโควิด-19 ช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 ส่วนเรื่องการลงทุน การส่งออก หรือการบริโภคภาพรวมยังดีอยู่ ส่วนจำนวนผู้ว่างงานจะลดลงต่อเนื่อง ขณะที่เรื่องการท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเข้ามาในไทยแล้วเกินกว่า 1 ล้านคน และคาดว่าจำนวนทั้งปีจะอยู่ที่ 5.6 ล้านคน ส่วนปีหน้าคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 19 ล้านคน ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยให้ดีขึ้น แต่ประเทศไทยยังมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อเศรษฐกิจ 2 เรื่อง คือ 1.ต้นทุนการผลิตและค่าครองชีพในประเทศสูงขึ้น และ 2.ปัญหาขาดแคลนอาหาร วัตถุดิบ และพลังงานในการผลิต โดยภาวะเงินเฟ้อนั้นอาจจะสูงขึ้นอีกและทรงตัวอยู่ในระดับสูงได้ และคาดว่าจะลดลงในปีหน้า

 

 

“มี กมธ.หลายคนได้สอบถามถึงนโยบายการเงินการคลังในหลายประเด็น ที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในทุกสาขาอาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องค่าครองชีพของประชาชน รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ของประเทศจากปัญหาที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังหารือเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ที่ตอบโจทย์ของประเทศและประชาชนภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งยังหารือเรื่องความเป็นธรรมเรื่องการจัดสรรงบประมาณและมาตรการต่างๆ เช่น มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ประสบปัญหาจนต้องยุติกิจการจำนวนมาก” นายเผ่าภูมิกล่าว

 

ด้าน น.ส.ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ​ (พช.) ในฐานะโฆษก ​กมธ. กล่าวว่า สำหรับการประชุมในวันนี้จะเป็นการประชุมครั้งที่ 3 เพื่อพิจารณางบประมาณในภาพรวมของกระทรวงการคลัง งบประมาณทั้งสิ้น 28,500 ล้านบาท และจะพิจารณางบประมาณของหน่วยในสังกัดกระทรวงการคลัง ดังนี้ 1.สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง 2.สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง สำหรับกองทุนประชารัฐ สวัสดิการ เพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม 3.กรมธนารักษ์ 4.กรมบัญชีกลาง 5.กรมศุลกากร 6.กรมสรรพสามิต และ 7.กรมสรรพากร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง