นายกฯ เปิดงาน OTOP MIDYEAR 2025 หนุนเศรษฐกิจฐานราก ยกระดับสินค้าชุมชนสู่สากล

ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน OTOP MIDYEAR 2025 ภายใต้แนวคิด “OTOP ทันโลก ทันสมัย เศรษฐกิจไทยยั่งยืน” โดยมีคู่สมรสนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี คณะทูตานุทูต ข้าราชการระดับสูง ผู้ประกอบการ OTOP และภาคีเครือข่ายเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ ถวายราชสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เยี่ยมชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ และรับชมการแสดง รวมถึงเยี่ยมชมโซนจัดแสดงสินค้าของหน่วยงานภาคี อาทิ โครงการ OGOP จากภูฏาน โครงการส่งเสริมธุรกรรมออนไลน์เพื่อชุมชน 

โดยมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย และ “โซนผ้าไทยใส่ให้สนุก” สะท้อนพระอัจฉริยภาพด้านแฟชั่นของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในการต่อยอดพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง  เพื่อสืบสานและพัฒนาผ้าไทยให้ร่วมสมัย ใส่ได้ทุกวัย

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) เป็นนโยบายสำคัญที่ช่วยสร้างอาชีพและรายได้ให้ประชาชน โดยสะท้อนพลังของภูมิปัญญาท้องถิ่น และเป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ที่สามารถผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมย้ำว่ารัฐบาลจะสนับสนุนผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายโอกาสทางเศรษฐกิจไปทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

“ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมชมงาน OTOP MIDYEAR 2025 ซึ่งเปิดให้เข้าชมจนถึงวันที่ 15 มิถุนายนนี้ พร้อมส่งกำลังใจให้ผู้ประกอบการประสบความสำเร็จในการจำหน่ายสินค้า แม้เศรษฐกิจโลกจะท้าทาย แต่การมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในวันนี้ เป็นแรงสนับสนุนสำคัญในการประชาสัมพันธ์สินค้าไทยสู่ตลาดที่กว้างขึ้น” นายกรัฐมนตรีกล่าว

งาน OTOP MIDYEAR 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7 – 15 มิถุนายน 2568 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.00 น. ครอบคลุมพื้นที่กว่า 60,000 ตารางเมตร บริเวณชาเลนเจอร์ 1 – 3 ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมหลากหลาย อาทิ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ นิทรรศการจากหน่วยงานภาคี บูธจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP 3–5 ดาวกว่า 2,000 บูธ โซนอาหารกว่า 160 ร้านค้า โซน OTOP Trader แสดงศักยภาพการตลาดสินค้าไทยในและต่างประเทศ โดยคาดว่าจะสร้างรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจกลางปี และเสริมความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นรูปธรรม