รีเซต

เลขาธิการ คสช. ร่อนจดหมายเปิดผนึกชวนภาคีขับเคลื่อนสู้ภัยโควิด-19 ระลอกใหม่

เลขาธิการ คสช. ร่อนจดหมายเปิดผนึกชวนภาคีขับเคลื่อนสู้ภัยโควิด-19 ระลอกใหม่
มติชน
25 ธันวาคม 2563 ( 13:47 )
39

วันนี้ (25 ธันวาคม 2563) นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ทำจดหมายเปิดผนึกเชิญชวนภาคีด้านสุขภาพ ด้านสังคม ด้านปกครอง และคณะสงฆ์ ร่วมกับเครือข่ายภาครัฐ สถาบันวิชาการ ธุรกิจเอกชน และภาคประชาสังคมในพื้นที่ขับเคลื่อนแผน “รวมพลังพลเมืองตื่นรู้ ช่วยชาติสู้ภัยโควิด-19 ระลอกใหม่” เพื่อให้เกิดมาตรการทางสังคมของประชาชน ไปหนุนช่วยมาตรการควบคุมโรคของหน่วยงานรัฐในพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

ทั้งนี้ นพ.ประทีป ระบุว่า การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่ จ.สมุทรสาคร และอีกหลายจังหวัดรวมทั้งกรุงเทพมหานคร มีความเร็ว แรง และอาจยาวนานมากขึ้นจนเป็นวิกฤตใหญ่ของประเทศได้ ผลกระทบทั้งทางด้านสาธารณสุข สังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ กำลังขยายวงกว้างและน่าวิตกมากขึ้นเรื่อยๆ จากความแตกตื่น แตกแยกความคิดของประชาชนในพื้นที่นำไปสู่การกล่าวโทษ ละเลยความช่วยเหลือที่จำเป็น และขาดการให้กำลังใจแก่กลุ่มเปราะบางที่พักอาศัยในสภาพแวดล้อมแออัดและอยู่ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่นี้ ไม่ได้ช่วยเสริมมาตรการของรัฐในการคุมเข้ม เพื่อควบคุมการระบาดของโรคไม่ให้แพร่กระจายเป็นอันตรายกับประชาชนในพื้นที่และขยายวงกว้างทั่วประเทศ แต่จะยิ่งทำให้การควบคุมป้องกันการระบาดของโรคทำได้ยากยิ่งขึ้น หรืออาจทำไม่ได้เลยถ้าขาดความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง ขาดความไว้วางใจและขาดความร่วมมือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของหน่วยงานรัฐ ประชาชน แรงงานต่างด้าว และผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่

 

“แรงงานต่างด้าวทั้งที่ทำงานอย่างถูกกฎหมาย หรือที่ลักลอบเข้าไทยอย่างผิดกฎหมาย แต่ทุกคนต่างก็ทำงาน สร้างความเจริญทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยตามที่ นายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้โพสต์ข้อความเผยแพร่เมื่อวันที่ 21ธันวาคมนี้ ว่า “แรงงานพม่าก็เป็นคน…พวกเขามาทำประโยชน์ให้จังหวัดสมุทรสาคร มาช่วยพัฒนาประเทศเรา ก็ต้องดูแลเค้าเช่นเดียวกัน” ความเสี่ยงติดเชื้อและเผยแพร่โควิด-19 ของแรงงานต่างด้าวกลุ่มเปราะบางนี้ จึงเป็นความเสี่ยงของคนไทยทั่วประเทศด้วย แต่จากประสบการณ์การขับเคลื่อนแผนรวมพลังพลเมืองตื่นรู้ฯ ตลอดปีที่ผ่านมา พวกเราจากหน่วยงานภาคีด้านสุขภาพ ด้านสังคม ด้านปกครอง และคณะสงฆ์ ร่วมกับเครือข่ายภาครัฐ สถาบันวิชาการ ธุรกิจเอกชน และภาคประชาสังคมในพื้นที่ไปหนุนช่วยหน่วยงานรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรและแกนนำประชาชน อาสาสมัครกลุ่มต่างๆ ในตำบลและชุมชนหมู่บ้าน เกิดมาตรการทางสังคมของประชาชนไปหนุนช่วยมาตรการของรัฐ และเกิดความร่วมมือของพลังภาครัฐกับภาคประชาชนทำให้ไทยประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาด และลดความเสียหายจากการระบาดของโควิด-19 ได้ จนเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ” นพประทีป กล่าว

 

ทั้งนี้ เลขาธิการ คสช. กล่าวว่า ตรงตามที่ นายทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก กล่าวในเวทีสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 13 เมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า “ความเชื่อมั่นและไว้ใจกันระหว่างภาครัฐกับประชาชน ความเชื่อมั่นและความเชื่อใจกันนี้เอง เป็นสิ่งจำเป็นในช่วงวิกฤต” และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และประธานกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ได้ย้ำว่า “สงครามโรค ครั้งนี้ยังไม่ยุติ” และประเทศไทยกำลังเกิดการระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่

 

เลขาธิการ คสช. ยังได้ย้ำในจดหมายเปิดผนึกว่า ภายใต้ภาวะวิกฤตของประเทศ และความเสี่ยงของประชาชนครั้งนี้ มีความจำเป็นที่พวกเราจากองค์กรต่างๆ และจากเครือข่ายในพื้นที่ของทุกจังหวัดจะต้องสานพลังร่วมกันขับเคลื่อนรวมพลังพลเมืองตื่นรู้ฯ อีกครั้ง เพื่อให้เกิดมาตรการทางสังคมของประชาชนไปหนุนช่วยมาตรการควบคุมโรคของหน่วยงานรัฐในพื้นที่ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และผมมีความเชื่อมั่นว่า ไทยจะชนะไวรัสนี้และก้าวพ้นวิกฤตได้อีกครั้ง เพราะพลังความร่วมมือของพวกเราภาคีเครือข่ายทุกองค์กรและบทบาทของประชาชนที่ตื่นรู้ในพื้นที่ จะนำไปสู่ ความเชื่อมั่นและจับมือกันของภาครัฐกับประชาชนในการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยไทยให้ผ่านวิกฤตครั้งใหม่นี้ได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง