1 ต.ค.นี้! ยกเลิกกักตัวผู้ป่วยโควิดอาการน้อย เข้าไทยไม่ต้องโชว์ใบฉีดวัคซีน-ผล ATK

ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เห็นชอบยกเลิกการกักตัวผู้ติดเชื้อโควิดที่มีอาการน้อย เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ให้ปฏิบัติตัวตามมาตรการ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อย ๆ หรือ DMHT เป็นเวลา 5 วัน และยกเลิกการแสดงผลฉีดวัคซีนโควิด-19 และผลตรวจคัดกรองสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศไทย

วันนี้ (21 ก.ย.65) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ 2 เรื่องสำคัญ 

1.แผนปฏิบัติการควบคุมโรคโควิด-19 รองรับการเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังในระหว่าง 1 ตุลาคม 2565 ถึงกันยายน 2566 ซึ่งได้ลงนามยกเลิกโรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตรายและปรับเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังลำดับที่ 57 ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อพ.ศ. 2558 มีผล 1 ตุลาคมนี้ 

โดยมียุทธศาสตร์ 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการป้องกันเฝ้าระวังและควบคุมโรค ด้านการแพทย์และรักษาพยาบาล ด้านการสื่อสารความเสี่ยงประชาสัมพันธ์และข้อมูลสาระสนเทศ และสุดท้ายคือ ด้านบริหารจัดการกฎหมายสังคมและเศรษฐกิจ

2.เห็นชอบมาตรการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรค โควิด-19 รองรับการเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง โดยมีการปรับมาตรการ ยกเลิกแสดงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19 และผลการตรวจโรคโควิด-19 ก่อนเข้าประเทศ 

แต่ยังคงเฝ้าระวังผู้เดินทางที่มีอาการป่วยของโรคติดต่ออันตรายหรือโรคติดต่ออุบัติใหม่ ปรับมาตรการแยกกักสำหรับผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ที่มีอาการน้อยหรือไม่แสดงอาการให้ปฏิบัติการตามมาตรการ DMHT คือ ไม่ต้องกักตัวแต่ต้องใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ และเว้นระยะห่างเป็นระยะเวลา 5 วัน และควรตรวจ ATK เมื่อมีอาการ 

ส่วนการสวมหน้ากากอนามัยจะมีความเข้มข้นน้อยกว่าในช่วงที่โควิดเป็นโรคติดต่ออันตราย ซึ่งให้ประชาชนประเมินความเสี่ยงเองว่าสถานที่ใดเหมาะแก่การสวมหน้ากากอนามัยเช่นหากไปสถานที่แออัดหรือ สถานที่ปิด ควรเลือกสวมหน้ากากอนามัย 

หรือหากออกกำลังกายในสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก และไม่รู้จักกันอาจมีความจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย แต่หากอยู่ในพื้นที่โล่ง มีระยะห่าง ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย

สำหรับการรักษายังคงรักษาได้ตามสิทธิ์ซึ่งรัฐจะให้บริการประชาชนเช่นเดิมรวมทั้งเรื่องของวัคซีนด้วยหากเป็นผู้ป่วยที่มีอาการหนักแพทย์จะทำการประเมินให้เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล ซึ่งทั้งหมดนี้ จะนำเข้าที่ประชุม ศบค.รับทราบในวันศุกร์ที่ 23 กันยายนนี้.

ภาพจาก แฟ้มภาพ TNN Online