รีเซต

ว่าที่เจ้าสาวโร่แจ้งความ เอาแหวนเพชร 1.2แสน ไปให้ร้านทองปรับขนาด แต่ร้านทำหาย

ว่าที่เจ้าสาวโร่แจ้งความ เอาแหวนเพชร 1.2แสน ไปให้ร้านทองปรับขนาด แต่ร้านทำหาย
มติชน
17 มิถุนายน 2564 ( 00:01 )
106
 

วันที่ 16 มิถุนายน จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าว เจ้าสาวช่างตัดเสื้อสตรีจังหวัดสตูลร้องเรียนสื่อหลังนำแหวนเพชรมูลค่า 4,200 ดอลล่า หรือ 120,000 บาทไทยโดยมีใบรับประกันจากร้านเพชรจริงโชว์นักข่าว โดยบอกว่าตนเตรียมจะแต่งงานจากแฟนหนุ่มชาวออสเตเรียโดยนำแหวนไปปรับไซร้ ที่ร้านทองแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่2เมษายน ผ่านไปจนถึงวันที่ 9 มิถุนายน ทวงถามไปหลายครั้ง จนขอแหวนเพชรคืนกลับได้รับคำตอบว่าทางร้านแจ้งมาว่าได้ทำแหวนเพชรหาย

 

 

 

ล่าสุดวันนี้ นางสาวสุพรรษา พัสสระ อายุ 36 ปี (ช่างตัดเสื้อสตรี) อยู่บ้านเลขที่275 หมู่ที่2 ต.ปาล์มพัฒนา อ.มะนัง จ.สตูล เจ้าของแหวนเพชร พร้อมด้วยนายนิคม แก้วทอง ทนายความ เดินทางไปยัง สภ.อ.ละงู จ.สตูล เพื่อแจ้งความดำเนินคดี ต่อร้านทองดังกล่าว

 

 

โดยนางสาว สุพรรษา บอกว่า จากกรณีดังกล่าว ตนได้ให้โอกาสทางด้านคู่กรณีได้ชดใช้ค่าเสียหาย โดยเรียกค่าเสียหาย120,000 บาท ตามราคาของแหวนเพชร ที่แฟนชาวออสเตรเลียได้ซื้อมาจากร้านเพชรในประเทศออสเตรเลียเพื่อเป็นแหวนใช้ในงานแต่งงานหลังหมดโควิด19 โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องการให้ทางร้านทองดังกล่าว พาตนเองไปซื้อเพชรใหม่ที่ร้านเพชรโดยตรงเพื่อแสดงความรับผิดชอบ แต่เมื่อได้คุยกับคู่กรณีแล้วกลับได้รับการปฏิเสธ โดยขอแสดงความรับผิดชอบแค่จะสั่งทำแหวนเพชรวงใหม่ให้เหมือนกับวงเดิม แต่เมื่อนางสาวสุพรรษา ได้โทรไปปรึกษาแฟนที่ต่างประเทศ แฟนกลับปฏิเสธ โดยยืนยันต้องชดใช้เป็นเงินอย่างเดียว จึงไม่สามารถตกลงกันได้

 

 

โดยวันนี้นางสาวสุพรรษา ได้นำหลักฐานที่มีส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวนสภ.ละงูเพื่อประกอบสำนวนคดี พร้อมรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยแหวนวงดังกล่าว มีคุณค่าทางจิตใจต่อตนเองยิ่งนัก เพราะมันเป็นแหวนเพชรที่แฟนของตนซื้อให้เพื่อเป็นแหวนแต่งงาน แต่ตนกลับทำหาย แต่ก็ยังดีใจที่แฟนชาวต่างชาติของตนเข้าใจ และปลอบใจเธออยู่ตลอดว่าไม่ต้องคิดมาก แต่สำหรับในเรื่องของคดีความแฟนชาวออสเตรเลียของตนก็ยืนยันสู้คดีความให้ถึงที่สุดเพราะแหวนวงนั้นมีความสำคัญต่อเราทั้งสองมาก

 

 

 

 

ด้านนายนิคม แก้วทอง ทนายความผู้เสียหาย ระบุว่า สำหรับในเรื่องของทางคดีความ จากหลักฐานที่ทางผู้เสียหายนำมาประกอบการแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนนั้น คิดว่าน่าจะเพียงพอต่อการแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีได้ โดยได้มอบหลักฐานทั้งหมดแก่เจ้าพนักงานสอบสวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย

 

 

ขณะที่ทางผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อไปที่ร้านทองเพื่อข้อทราบข้อมูลที่เท็จจริง เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย แต่กลับถูกปฏิเสธและไม่พร้อมจะให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปที่ร้าน โดยให้ทนายของทางร้านทองติดต่อมา โดยบอกเพียงว่าเพราะรับว่าความ โดยเบื้องต้นทราบแต่เพียงว่าทางร้านยินดีจะชดใช้ค่าเสียหายด้วยการทำแหวนให้ใหม่ และยอมรับว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่คิดจะปัดความรับผิดชอบ เพราะมูลค่าทรัพย์สินของร้านทองก็มีมูลค่ามากกว่าที่จะไม่ชดใช้ให้ผู้เสียหาย โดยขอรวบรวมเรื่องราวความเป็นมาก่อนที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่ออีกครั้ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง