แห่ชื่นชม  นายกอบต.  โดดห้ามมวยกลางถนน

ราชบุรี     จากที่มีผู้ใช้เฟสบุ๊กชื่อ “Sirichai Niyomtad” ได้โพสต์คลิปพร้อมขอความระบุว่า “ตอนที่ 2 นายกผมช่วยยันคนต่อยกันไม่ได้กลัวอะไรเล้ย” โดยคลิปดังกล่าวเป็นคลิปเหตุการณ์ทะเลาะกันระหว่างหนุ่มเสื้อฟ้า คนขับรถบรรทุก 6 ล้อ กับหนุ่มเสื้อขาว คนขับรถกระบะบรรทุกผัก ถึงขนาดจะวางมวยกันกลางถนน แต่กับมีชายชุดดำลงจากรถและรีบเข้าห้ามโดยไม่กลัวถูกลูกหลง ท่ามกลางความตื่นตกใจของประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลังมีการโพสต์คลิปดังกล่าวบนโลกโซเชียล มีคนเข้ามาดูคลิปดังกล่าวมากกว่า 128,000 ครั้ง และมีการแชร์มากกว่า 1,000 ครั้ง พร้อมข้อความคอมเมนต์ชื่นชมชายชุดดำที่เข้าไปห้ามไม่ให้คนขับรถทั้ง 2 คัน ชกต่อยกันจนเกิดเป็นเรื่องบานปลาย

       ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปที่เจ้าของเฟสบุ๊กดังกล่าว เพื่อสอบถามข้อมูลจนทราบว่า ชายชุดดำที่เข้าไปห้ามคนขับรถทั้ง 2 คันวางมวยกันกลางถนนคือ นายไพฑูรย์  ปัตตนา นายก อบต.น้ำพุ จ.ราชบุรี จึงได้ติดต่อไปสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากนายไพฑูรย์  ซึ่งก้ได้ เปิดเผยว่า เรื่องราวว่า  เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ก.ค. เวลาประมาณ 20.00 น. ตนเดินทางไปซื้อยา ที่ร้านในตลาดตัวเมืองราชบุรี ช่วงขับรถกลับ มาถึงบริเวณหน้าตลาดศรีเมือง พบเจอรถกระบะมีคอก ขับรถปาดหน้ารถคันอื่นไปมา จนไปปาดหน้ารถบรรทุก 6 ล้อ ทำให้รถบรรทุกเบรคกระทันหันและเด็กเล็กที่อยู่ในรถหัวฟาดกับหน้ารถจนหัวบวมปูด ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด   หลังจากนั้นทั้งคู่ได้มีปากเสียงกัน จนทำให้มีการฉุดกระชากกันลงจากรถ และถึงขั้นจะชกต่อยกัน ตนเห็นท่าไม่ดี เพราะในรถบรรทุกมีเด็กเล็กและผู้หญิงอยู่ด้วย จึงรีบลงไปห้ามเหตุทันที เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องบานปลาย ซึ่งตอนนั้นตนคิดอย่างเดียวว่า กลัวเด็กและชาวบ้านจะได้รับอันตราย เพราะไม่รู้ว่าทั้งคู่มีอาวุธหรือไม่  จึงรีบเข้าไปห้าม โดยที่ตนก็ไม่รู้จักทั้งคู่และทั้งคู่ก็ไม่รู้จักตนว่าเป็นนายก อบต.น้ำพุ แต่ภายหลังตนได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี เข้ามาระงับเหตุ เพราะชายคนขับรถกระบะมีอาการมึนเมาสุรา ซึ่งใช้เวลาไม่นานเจ้าหน้าที่ก็มาถึง แล้วเชิญตัวคนขับรถปิกอัพไปโรงพัก

       ตนอยากฝากว่า เวลาขับรถควรใช้สติและควรมีน้ำใจให้กันและกัน ซึ่งถ้าเมาก็ไม่ควรมาขับรถ เพราะจะทำให้เกิดอันตรายต่อคนอื่นได้  ที่สำคัญไม่อยากให้ใครทำตามแบบตน ที่ลงไปห้ามคนทะเลาะกันแบบนั้น เพราะเราไม่รู้เลยว่า เขามีอาวุธอะไรหรือไม่  ซึ่งอาจทำให้เราได้รับอันตรายซะเอง ส่วนคลิปนั้นตนไม่รู้ว่ามีการถ่ายคลิปไว้ และไม่รู้ว่ามีคนเอาคลิปไปโพสต์จนมีคนเข้าไปดูคลิปมากกว่าหนึ่งแสนครั้ง และมีคนกล่าวชื่นชมตนในสิ่งที่ทำในวันนั้น เพราะตนไม่ได้ชอบเล่นเฟสบุ๊กจึงไม่รู้ แต่มารู้จากลูกน้องเมื่อวานนี้ว่า มีคนเอาคลิปตนไปลงแล้วมีคนดูมากกว่าหนึ่งแสนครั้ง