'สกลธี' ลุยหาเสียงตลาด ฟังปัญหาผู้ค้า เผยเศรษฐกิจ กทม.แย่ อยากได้คนรุ่นใหม่บริหาร

'สกลธี' ลุยหาเสียงตลาด ฟังปัญหาผู้ค้า เผยเศรษฐกิจ กทม.แย่ อยากได้คนรุ่นใหม่บริหาร เตรียมแผนจับมือ ธ.ออมสิน ทำโครงการทุนดอกเบี้ยต่ำให้พ่อค้าแม่ค้า

เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2565 นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 3 ใช้เวลาช่วงวันหยุดสงกรานต์เดินหน้าลงพื้นที่หาเสียงกับชาวกรุงเทพฯ โดยช่วงเช้าได้เดินทางไปยังตลาดกิตติ, ตลาดสะพาน 2 และตลาดแสงจันทร์ เขตสาทร ท่ามกลางประชาชนที่เดินทางมาจับจ่ายใช้สอยในช่วงเช้า

นายสกลธี กล่าวระหว่างการลงพื้นที่ว่า ช่วงนี้ที่ตนเลือกลงพื้นที่ตลาดในเกือบทุกเช้าในแต่ละเขต เพราะจะได้พบกับคนในพื้นที่ที่สามารถสะท้อนปัญหาหลายๆ อย่าง รวมทั้งข้อแนะนำที่เฉพาะเจาะจง โดยเฉพาะกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการทำมาหากิน โดยเฉพาะช่วง 2 ปีที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด ซึ่งตนอยากจะได้ข้อมูลเหล่านี้มากๆ เพื่อจะไปดูว่าจะช่วยอะไรได้มากขึ้นบ้าง

นายสกลธี กล่าวต่อว่า จากที่พูดคุยกับหลายตลาด หนึ่งคือปัญหาเรื่องพื้นที่ที่จะใช้ในการค้าขาย ความสะดวกเรื่องพื้นที่ทางเท้า และปัญหาน้ำท่วมต่างๆ และสอง เป็นเรื่องแหล่งเงินทุน ซึ่งเรื่องทุนนี้ตอนที่ตนเป็นรองผู้ว่าฯ อยู่ ได้ประสานกับหลายหน่วยงาน เช่น ธนาคารออมสิน ที่มีโครงการสร้างงานสร้างอาชีพ โดยได้ร่วมมือกันที่จะหาแหล่งเงินทุนให้กับผู้มีรายได้น้อยได้ประกอบอาชีพ เพราะหลังโควิดบางคนเงินทุนหายไปหมด เรื่องเงินทุนเริ่มต้นใหม่ก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่

นายสกลธี กล่าวอีกว่า จากที่ลงพื้นที่ตลาดต่างๆ ทั้งตลาดในรอบกรุงเทพฯ หรือตลาดกลางเมืองอย่างในพื้นที่สาทร พบว่าปัญหาจะไม่แตกต่างกัน คือเรื่องกำลังซื้อที่หายไป ตนคิดว่าหลังจากที่สถานการณ์โควิดคลี่คลายลงแล้ว มาตรการของรัฐจะผ่อนคลายลงด้วย ในส่วนของกรุงเทพมหานครก็จะเข้าไปช่วย

"อย่างที่ผมคิด คือเรื่องเงินช่วยเหลือในการประกอบอาชีพ สำหรับผู้ที่เดือดร้อนจริงๆ และการหาแหล่งเงินทุนใหม่ๆ ที่ดอกเบี้ยไม่สูง โดยประสานพันธมิตรกับหน่วยงานต่างๆ ที่เรามีข้อมูลอยู่แล้ว เพื่อมาทำเป็นโครงการร่วมกัน"

เมื่อถามเรื่องความคิดเห็นและเสียงสะท้อนของชาว กทม.ที่คาดหวังกับการได้ผู้ว่าฯ ที่เป็นคนรุ่นใหม่ นายสกลธี กล่าวว่า ตนคิดว่า ด้วยงานของ กทม.มีหลายด้านและเป็นงานจุกจิก ต้องเป็นคนที่มีพลังเข้าไปแก้ปัญหา ไม่ใช่ว่าจะนั่งประชุมฟังข้อมูลในห้องประชุมอย่างเดียว แต่ต้องพบปะ เจอปัญหากับประชาชน

นายสกลธี กล่าวต่อว่า อย่างเช่นที่ตลาดกิตติ สาทร ตรงนี้ปัญหาที่เจอเยอะๆ คือเป็นซอยย่อยของเอกชน งบฯ ของ กทม.ไม่สามารถลงไปบริหารจัดการ ซึ่งอันนี้ต้องไปทลายข้อจำกัดที่ไม่เป็นธรรมนั้น เพราะคนกรุงเทพฯ ทุกคน มีส่วนที่เสียภาษีไม่มากก็น้อย ดังนั้นงบฯ ของ กทม.ที่จะลงไปพัฒนาทุกจุดไม่เฉพาะแค่ที่สาธารณะเท่านั้น ถ้าตนมีโอกาสได้เป็นผู้ว่าฯ จะเข้าไปทลายข้อจำกัดนี้

ด้านนางนิตยา เจ้าของร้านพริกแกงป้านิตยา กล่าวหลังได้พูดคุยกับนายสกลธีว่า การเลือกตั้งครั้งนี้รู้สึกว่าผู้คนตื่นตัวมาก โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้า ที่พูดคุยเรื่องนี้กันทุกวันเพราะที่ผ่านมาเศรษฐกิจของ กทม.แย่มาก ขายของไม่ค่อยได้ และการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ สร้างความตื่นตัวให้กับคนกรุงเทพฯ พอสมควร เนื่องจากห่างหายจากการเลือกตั้งต่างๆ มาหลายปี และเห็นว่าที่ผู้สมัครที่มีจำนวนมากเริ่มลงพื้นที่หาเสียงทำให้กรุงเทพฯ ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

“สิ่งที่ป้าคิดจริงๆ นะ คืออยากได้คนรุ่นใหม่ไฟแรง อยากได้คนหนุ่มมาบริหาร มีวิสัยทัศน์ใหม่ๆ สมัยใหม่ ผู้ว่าฯ ที่ผ่านมาหลายคนก็มีชอบบ้าง แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยโอเค อย่างผู้ว่าฯ อายุน้อยเราก็อยากลองให้มาบริหาร เพราะถือว่าเป็นวัยกำลังทำงานอยากได้อะไรใหม่ ที่สำคัญคือเรื่องการค้าขาย แล้วก็เรื่องทางเท้า เรื่องการบริหารจัดการที่จำเป็นกับคนกรุงเทพฯ แต่อย่างเราคนค้าขายก็อยากได้สิ่งค้าขาย แต่วันนี้เห็นเบอร์ 3 มาลงได้เจอตัวจริง คิดว่ามีความตั้งใจดี” นางนิตยากล่าว