รีเซต

9 บิ๊กอสังหาฯรุก Wellness เทงบ 1.5 แสนล้านบาทตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่

9 บิ๊กอสังหาฯรุก Wellness เทงบ 1.5 แสนล้านบาทตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่
TNN ช่อง16
24 เมษายน 2565 ( 18:04 )
639

ธุรกิจสุขภาพหรือ Wellness Business เป็นเมกะเทรนด์ที่เติบโตได้ดีทั่วโลกสวนกระแสเศรษฐกิจซบเซา โดยเฉพาะหลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19  ภาคตลาดอสังหาริมทรัพย์หดตัวลงทำให้บริษัทพัฒนาอสังหาฯต้องเร่งปรับรูปแบบสินค้าและบริการผุดโครงการใหม่ ๆ และโมเดลธุรกิจใหม่จากการร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจสุขภาพไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลศูนย์ดูแลสุขภาพโครงการอสังหาฯที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีแบบองค์รวมหรือแพลตฟอร์มเทคโนโลยีด้านสุขภาพ Telemedicine เป็นต้น


Wellness เค้กก้อนใหญ่โอกาสของธุรกิจอสังหาฯ


แนวโน้มธุรกิจ Wellness ที่มาแรงทั่วโลกนั้นมีมูลค่าสูงถึง 4.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 145 ล้านล้านบาทในปี 2563 โดยแบ่งออกเป็นหลายภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพความงามการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและอสังหาฯที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม (Wellness Real Estate) ซึ่งเติบโตได้ดี 22% ต่อปีขณะที่อุตสาหกรรมการก่อสร้างโดยรวมหดตัวลง -2.5% ต่อปีจากพิษโควิด-19 ในช่วงปีพ.ศ. 2562-2563 ตามรายงานของ Global Wellness Institute โดยปัจจุบันอสังหาฯที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีแบบองค์รวมมีมูลค่าสูงถึง 275 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9 ล้านล้านบาท) ในปี พ.ศ.2563 จากเดิม  148 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.9 ล้านล้านบาท) ในปีพ.ศ. 2560


ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งรายใหญ่ไปจนถึงรายเล็กเปิดตัวโครงการอสังหาฯใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์

ด้านสุขภาพมากขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาธุรกิจใหม่ผ่านการจับมือกับพันธมิตรธุรกิจสุขภาพเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง หลายบริษัททุ่มงบประมาณในการลงทุนโครงการสูงเนื่องจากเห็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ตามมายิ่งในภาวะที่ตลาดอสังหาฯหดตัวธุรกิจอสังหาฯจึงต้องปรับตัวให้พร้อมเพื่อเจาะกลุ่ม Real Demand หาตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่ส่งผลให้ธุรกิจ Wellness ในประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องเปรียบเสมือนเค้กก้อนใหญ่ที่ยังมีผู้เล่นไม่มากนัก


มูลค่าของธุรกิจ Wellness ในวงการอสังหาฯไทยเติบโตแบบก้าวกระโดดหากนับเพียง 8 โครงการจากบริษัทอสังหาฯรายใหญ่ของประเทศก็มีมูลค่ารวมสูงถึง 1.5 แสนล้านบาทแล้วยังไม่รวมโครงการอสังหาฯที่ตอบโจทย์ด้านสุขภาพอื่น ๆ ที่ผู้พัฒนาได้สอดแทรกการดูแลสุขภาพไว้ในรายละเอียดการออกแบบหรือเพิ่มบริการเทคโนโลยีด้านสุขภาพเข้ามาในโครงการไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุโรงแรมทั่วไปที่เพิ่มบริการดูแลสุขภาพและฮอสพิเทลศูนย์ดูแลสุขภาพแบบครบวงจรและเทคโนโลยีด้านสุขภาพทั้งนี้หากนับรวมโครงการเหล่านี้มูลค่าของตลาด Wellness จะใหญ่กว่านี้มาก


ความร่วมมือนำไปสู่รูปแบบธุรกิจใหม่

ที่น่าสนใจคือบริษัทอสังหาฯหลายรายไม่ได้หันมาทำโครงการหรือสร้างโมเดลธุรกิจใหม่เพียงลำพังแต่เกิดจากความร่วมมือกับธุรกิจสุขภาพเช่นโรงพยาบาลคลินิกศูนย์ดูแลผู้สุงอายุต่าง ๆ เพื่อพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ  เริ่มจาก


บริษัทแมกโนเลียควอลิตี้ดีเวล็อปเม้นต์คอร์ปอเรชั่น (MQDC)ผู้พัฒนาโครงการเดอะฟอเรสเทียสซึ่งมีมูลค่าโครงการสูงถึง 125,000 ล้านบาทโดยมีพันธมิตร Baycrest Global Solutions ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสมองและการดูแลผู้สูงวัยชื่อดังระดับโลกที่มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 100 ปี จากประเทศแคนาดามาเป็นที่ปรึกษาและสร้างโปรแกรม Health and Wellness Activity ในลักษณะ Preventive Care หรือการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน


ทั้งการลดปัจจัยและความเสี่ยงการเป็นโรคที่มักเกิดขึ้นกับผู้สูงวัย และอีกหลายองค์ความรู้ที่นำมาผนวกเข้ากับการแพทย์ในเมืองไทยและเอเชีย เพื่อสร้างสุขภาพกายและสมองที่แข็งแรงและใจที่เป็นสุขแก่ผู้สูงวัย” เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในโครงการดิแอสเพนทรี The Aspen Tree


 ซึ่งให้บริการในรูปแบบคอนโดผู้สูงอายุอีกด้วยนอกจากนี้ยังจับมือกับเมืองไทยประกันชีวิตออกแบบประกันชีวิต "อีลิทเฮลท์" คุ้มครองสูงสุด 20 ล้านบาทต่อปีตั้งแต่หลังเซ็นสัญญาและช่วงการก่อสร้างโครงการฯและจะเพิ่มความคุ้มครองเป็น 40 ล้านบาทต่อปีเมื่อโครงการฯแล้วเสร็จและโอนสิทธิการเช่าสำเร็จโดยมีความคุ้มครองยาวนานถึงอายุ 99 ปีสำหรับลูกบ้านโครงการดิแอสเพนทรี


ถัดมาคือ บริษัท พฤกษาเรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หันมาจับธุรกิจสุขภาพเปิดตัวโรงพยาบาลวิมุต ซึ่งเริ่มก่อสร้างช่วงปลายปี 2560 ด้วยงบประมาณ 5,000 ล้านบาทและเปิดให้บริการในเดือนพฤษภาคม 2564 โดยเป็นก้าวแรกของพฤกษาในการทำธุรกิจสุขภาพรับเมกะเทรนด์สุขภาพและสังคมผู้สูงวัยเป็นแหล่งรายได้ประจำใหม่ (Recurring Income) ในพอร์ตของบริษัทที่แต่เดิมเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 100%

 

โดยมีแนวคิดว่าธุรกิจโรงพยาบาลจะเพิ่มมูลค่าให้โครงการที่อยู่อาศัย ด้วยบริการ Nursing Home และโครงการ ViMUT Health Center ที่โครงการ Pruksa Avenue ในย่านบางนา-วงแหวน


ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างโดยใช้งบลงทุนรวม 150 ล้านบาทเพื่อพัฒนาเป็นศูนย์สุขภาพที่ครอบคลุมบริการที่หลากหลายอาทิคลินิกศูนย์กายภาพศูนย์ดูแลและบริบาลผู้สูงอายุรวมถึงบริการดูแลสุขภาพถึงบ้าน (Home Health Care) ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในปลายปี 2565 โดยปัจจุบันโรงพยาบาลสามารถทำร้านได้ทะลุเปิดเดิม 375 ล้านบาทเป็น 500 ล้านบาทและตั้งเป้าเติบโตราว 15-20% ในปีถัดไป


ขณะที่ มนทาระฮอสพิตาลิตี้กรุ๊ป กลุ่มธุรกิจบริการด้านโรงแรมและที่พักระดับ Ultra Luxury เปิดตัวโครงการ “ตรีวนันดา” (Tri Vananda)ในจังหวัดภูเก็ตเป็นโครงการที่พักอาศัย Wellness Community ที่ดีแบบองค์รวมผสานแนวคิด Integrative Wellness Community แห่งแรกของเอเชียเดินหน้าขับเคลื่อน Phuket Medical Hub หนุนไทยก้าวสู่ “ศูนย์กลางด้านดูแลสุขภาพโลก” 


โดยโครงการสร้างบนพื้นที่ 600 ไร่ใช้งบลงทุนราว 6,600 ล้านบาทประกอบด้วย 3 โซนหลักได้แก่โซนที่พักอาศัยรีสอร์ทเพื่อสุขภาพและสวนพฤกษศาสตร์โดยบริษัทใช้พื้นที่ก่อสร้างโครงการในส่วนของสิ่งปลูกสร้างเพียง 15% 


ส่วนพื้นที่ทั้งหมดยังคงเหลือพื้นที่ส่วนใหญ่ ไว้เพื่อรักษาความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติและสร้างสมดุลของแก่ระบบนิเวศน์อย่างดีที่สุด โดยเฉพาะทะเลสาบทั้ง 9 แห่งที่โอบล้อมรอบที่พักอาศัยมีระบบไฟฟ้าจากแสงแดดและการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบด้วยกลไกทางธรรมชาติ เพื่อให้สามารถนำน้ำมาใช้ในโครงการและเอื้อประโยชน์ให้กับชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียง


ด้านบริษัทซิซซากรุ๊ปจำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน (Investment Property) เปิดตัวโครงการ“นาใต้เมดิคอลเซ็นเตอร์แอนด์รีสอร์ท”ศูนย์การแพทย์และความงามระดับเวิลด์คลาสควบคู่รีสอร์ทหรูระดับ 6 ดาวริมหาดส่วนตัวรับแนวโน้มธุรกิจสุขภาพที่มาแรงทั่วโลก


สอดคล้องกับเป้าหมายที่ประเทศไทยจะเป็นเมดิคัลฮับ (Medical Hub) หรือศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติโดยที่ดินแปลงนี้ถูกเทคโอเวอร์จากเจ้าของเดิมและซื้อที่ดินเพิ่มรวม 71 ไร่ริมหาดนาใต้จ.พังงาโดยประเมินงบลงทุนโครงการราว 4.6 พันล้านบาทแบ่งการพัฒนาเป็น 7 โซนประกอบไปด้วย Life Clinic & Well-Being Resort ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพระดับพรีเมียมควบคู่กับรีสอร์ทหรูระดับ 6 ดาวห้องพักและพูลวิลล่ารวมของเดิมทั้งสิ้น 177 ยูนิตนำร่องเปิดปลายปี 2564 เฟสถัดไปคือ "เมดิคัลเซ็นเตอร์" ศูนย์การแพทย์พร้อมบริการผ่าตัดทางการแพทย์และการวินิจฉัยโรคด้วยเทคโนโลยีทันสมัยเวชศาสตร์การกีฬาชะลอวัยบริการ IVF และศูนย์กัญชาบำบัดเป็นต้นคาดแล้วเสร็จทั้งโปรเจกต์ในปี 2568


ฝั่งบริษัทณุศาศิริจำกัด (มหาชน) ชูแผนธุรกิจใหม่สร้างอาณาจักร Medical and Wellness ด้วย 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ โรงพยาบาลแฟรนไชส์แพลตฟอร์มออนไลน์ และผลิตภัณฑ์เพื่อหาตลาดกลุ่มใหม่หลังขาดทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา


ทั้งนี้ณุศาศิริมีประสบการณ์ในธุรกิจสุขภาพมาแล้วในจีนเมื่อปี 63 ที่บริษัทเข้าซื้อแฟรนส์ไชส์โรงพยาบาลจากเยอรมนีเพื่อรุกทำตลาดสุขภาพในประเทศจีนสร้างรายได้และผลกำไรมากกว่า 4 ล้านหยวนในระยะเวลาเพียง 5 เดือน 


จากนั้นจึงต่อยอดเป็นแพลตฟอร์มช่วยแปลภาษาต่างชาติเป็นภาษาจีนและช่วยเรคคอร์ดข้อมูลให้กับลูกค้าที่เข้ารักษาตัวสามารถสื่อสารกับแพทย์ต่างชาติได้ เมื่อธุรกิจโรงพยาบาลในจีนเริ่มอยู่ตัว ณุศาศิริขยายธุรกิจด้วยการเข้าซื้อแบรนด์โรงพยาบาลพานาซีในเยอรมนีและประเทศไทย ซึ่งดำเนินการเข้าซื้อเป็นที่เรียบร้อยและคาดว่าจะสามารถรวมเข้ากลุ่มธุรกิจได้ในช่วงไตรมาส 4 ปี  64 โดยใช้งบรวมกันกว่า 2,000 ล้านบาท


 นอกจากนี้ณุศาศิริยังมุ่งไปทางด้านการรักษาผู้ป่วยด้วยสารแคนนาบินอยด์ โดยจับมือกับบริษัท CSR จากประเทศจีนทุ่มงบกว่า 1,000 ล้านบาทปั้น Medical Technology ลุยธุรกิจ “กัญชากัญชง” ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ


ทั้งการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทุกหมวดทั้งสกินแคร์เครื่องดื่มและอาหารเสริมฯลฯที่มีสารสกัดจากกัญชาและกัญชงผ่านทุกช่องทางทั้งในประเทศและต่างประเทศขณะเดียวกันณุศาศิริยังสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ใหม่ที่จะเป็นศูนย์กลางในเรื่องสุขภาพในนาม “ณุศาเทค” โดยใช้ AI วิจัยและเก็บข้อมูลด้านสุขภาพของคนไทยอาทิ “MORHELLO” ที่ดึงกลุ่มแพทย์ทั้งในและต่างประเทศที่มีความสนใจในการรักษาโดยใช้สารแคนนาบินอยด์


ส่วนบริษัทมั่นคงเคหะการจำกัด (มหาชน)ไม่น้อยหน้า ร่วมพันธมิตรศูนย์ส่งเสริมสุขภาพและชะลอวัยไวทัลไลฟ์โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์และบมจ.ไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนลเปิดตัวโครงการ“รักษ” (รัก-ษะ)ศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวมบนพื้นที่ประมาณ 200 ไร่บนคุ้งบางกะเจ้าสมุทรปราการโดยตั้งเป้าให้เป็น “World Class medical wellness destination” มูลค่าลงทุนโครงการนี้เฉพาะเฟสแรก 2,000 ล้านบาท


โดยในพื้นที่เฟสแรก 60 ไร่ประกอบด้วยวิลล่า 60 หลัง (เปิดให้บริการก่อน 27 หลัง) พื้นที่ศูนย์สุขภาพต่างๆแวดล้อมด้วยทะเลสาบและต้นไม้ส่วนเฟสต่อไปยังอยู่ระหว่างพิจารณาการลงทุนราคาเริ่มต้นที่ 60,000 บาทเป็นแพ็กเกจตรวจสุขภาพพร้อมที่พัก 1 คืนส่วนแพ็กเกจรักษาบำบัดจะมีตั้งแต่ 3-14 คืนขึ้นอยู่กับว่าเป็นโปรแกรมอะไรเช่นโปรแกรมดูแลสุขภาวะทางเดินอาหารโปรแกรมเสริมภูมิคุ้มกันโปรแกรมควบคุมน้ำหนักโปรแกรมผ่อนคลายความเครียดราคาแพ็กเกจบำบัดเริ่มต้น 180,000 บาทต่อ 3 คืนโครงการนี้เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ของบมจ. มั่นคงเคหะที่ต้องการพัฒนาธุรกิจรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้มีสัดส่วนกำไรอยู่ที่ 50/50 และเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกๆที่ก้าวเข้ามาสู่ธุรกิจสุขภาพอย่างเต็มตัว


บริษัทศุภาลัยจำกัด (มหาชน)ได้พัฒนาโครงการ “ศุภวัฒนาลัย” (Supalai Wellness Valley)หมู่บ้านสำหรับ “สังคมผู้สูงวัย 50+" โดยมีเนื้อที่ขยายจากโรงแรมป่าสักสระบุรีที่มีอยู่ 189 ไร่ บนโค้งแม่น้ำป่าสักโครงการนี้เกิดจากแนวคิดของคุณประทีป ตั้งมติธรรมประธานกรรมการบมจ. ศุภาลัยเพื่อตอบรับสังคมผู้สูงวัยในประเทศไทย เพื่อสร้างต้นแบบของการใช้ชีวิตของสังคมผู้สูงวัยยุคใหม่ที่มีการอยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์สังคม 


โดยเริ่มต้นยังไม่ได้มองถึงผลทางธุรกิจโครงการศุภวัฒนาลัยใช้สิ่งอำนวยความสะดวกที่มีดั้งเดิมในรีสอร์ทได้แก่ร้านอาหารพื้นที่ออกกำลังกายสวนและสปารวมทั้งเพิ่มบริการพิเศษสำหรับผู้สูงอายุได้แก่มีพยาบาลดูแลรักษาความปลอดภัยสิ่งอำนวยความสะดวกการออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงวัยเช่นประตูห้องนอนและห้องน้ำบานเลื่อนมีราวจับแพทย์หรือพยาบาลประจำรองรับเหตุฉุกเฉินพร้อมนำส่งโรงพยาบาลมีกิจกรรมสันทนาการมีการเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีติดตามตัวคอยเรียกได้ตลอด 24ชม ในโครงการมีบ้านพักรวม 144 ยูนิตมูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาทเบื้องต้นจะแบ่งการก่อสร้างเป็น 4 เฟสโดยเฟสแรก 65 ยูนิตพร้อมเข้าอยู่ในปี 63


บริษัทเอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่งจำกัด (มหาชน)ผู้เชี่ยวชาญในด้านอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับเดอะแคร์แอนด์เฮลธ์กรุ๊ป ที่มีประสบการณ์ด้านการฝึกอบรมบุคลากรทางด้านสุขภาพที่มีคุณภาพและมาตรฐาน พัฒนาโครงการ “ศิริอรุณแคร์” ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพและการดูแลผู้สูงอายุด้วยงบลงทุน 100 ล้านบาทโดยมี 2 สาขาในกรุงเทพฯและ 1 สาขาในอุบลราชธานีโดยให้บริการดูแลผู้อยู่ในระยะพักฟื้นและผู้สูงอายุเน้นให้บริการด้านสุขภาพแบบองค์รวมทั้งด้านร่างกายและจิตใจโดยการวางแผนการดูแลให้เหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการและสถานะสุขภาพเฉพาะราย


ปิดท้ายที่บริษัทออริจิ้นพร็อพเพอร์ตี้จำกัด (มหาชน)ร่วมมือกับโรงพยาบาลสมิติเวชพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยไปสู่ “Wellness Residences” สร้างความเป็นอยู่ที่ดีแบบองค์รวม (Well-being) ผ่านนวัตกรรมเทคโนโลยีการบริการและการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางของโครงการหลากหลายรูปแบบ 


พร้อมทั้งจัดเตรียมบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการมีสุขภาพที่ดี โดยจะเริ่มนำร่องในกลุ่มโครงการคอนโดมิเนียมหรูภายใต้เครือพาร์คลักชัวรี่ (Park Luxury) อาทิโครงการไนท์บริดจ์สเปซพระราม 4 โครงการโซโหแบงค็อกรัชดารวมถึงโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จอย่างพาร์คออริจิ้นพร้อมพงษ์นอกจากนี้ลูกบ้านทุกโครงการในเครือพาร์คลักชัวรี่จะได้รับบัตร ORIGIN Samitivej Club รับส่วนลดพิเศษเมื่อเข้าใช้บริการที่โรงพยาบาลสมิติเวชสุขุมวิทและศรีนครินทร์และสามารถเข้าถึงบริการ Samitivej Virtual Hospital ผ่านแอป Origin Connect โดยจะเริ่มในโครงการเบลกราเวียเอ็กซ์คลูซีฟพูลวิลล่าบางนา-พระราม 9 โครงการบ้านจัดสรรแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

 

ธุรกิจสุขภาพ Wellness เป็นที่น่าจับตามองในวงการอสังหาฯของประเทศไทย เพราะอนาคตจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด  ประจักษ์สายตาจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์  Startup ต่างพากันพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่อย่างคึกคัก


นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยีการแพทย์ทางไกลเข้ามาเชื่อมระหว่างที่อยู่อาศัยกับโรงพยาบาลทำให้ประชาชน และผู้ป่วยได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น  โดยติดต่อตรวจสุขภาพสั่งยาจากบ้าน  ซึ่งไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลใหญ่สามารถดูแลรักษาตัวเองจากที่บ้านหรือมีบริการทางการแพทย์เดินทางมาหาเราเองได้ง่าย ๆ  ดังนั้นบ้านที่เราอยู่อาจไม่ได้เป็น แค่ที่อยู่อาศัยโรงแรมไม่ได้เป็นเพียงสถานที่พักผ่อน แต่สามารถให้บริการด้านสุขภาพและบริการทางการแพทย์เบื้องต้นได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ไกลตัวเลยแต่กำลังมาแรงในประเทศไทยรับยุคนิวนอร์มอล


 ที่มา  น้ำทิพย์ พรโชคชัย  กรรมการผู้จัดการ บจก. AREA Research

ภาพประกอบ  พิกซาเบย์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง