“ไบเดน” ลั่นยูเครนยังเสี่ยงถูกรุกราน รัสเซียแจงอีก “ถอนทัพ” จากไครเมียแล้ว
“ไบเดน” ลั่นยูเครนยังเสี่ยงถูกรุกราน - วันที่ 16 ก.พ. บีบีซี รายงานความคืบหน้าสถานการณ์ใน ประเทศยูเครน หลังทางการรัสเซียแถลงว่าภารกิจซ้อมรบบริเวณชายแดนระหว่างประเทศสิ้นสุดลงแล้วและกำลังทหารบางส่วนเริ่มเคลื่อนพลกลับไปประจำการที่ฐานทัพถาวร ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา กล่าวว่ายังมีความเป็นไปได้มากที่กองทัพรัสเซียจะรุกรานยูเครน และความสูญเสียของผู้คนจะมากมายมหาศาล
“การถอนกองกำลังรัสเซียจะเป็นเรื่องดี แต่เรายังไม่ได้ตรวจสอบ เรายังไม่ได้ยืนยันว่ากองทัพรัสเซียเคลื่อนที่กลับไปยังฐานประจำการ อันที่จริงคณะนักวิเคราะห์ของเราระบุว่าพวกเขายังอยู่ในตำแหน่งที่เป็นภัยคุกคาม” ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ พร้อมระบุว่ากำลังทหารรัสเซียตามแนวชายแดนติดยูเครนเพิ่มเป็นกว่า 150,000 นาย
นอกจากนี้ยังเตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจได้รับผลกระทบจากการหยุดชะงักของแหล่งพลังงาน รวมถึงการปรับขึ้นราคาน้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติ และการระดับโครงการท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม 2 จากรัสเซียไปสู่ยุโรป ในกรณีที่มีการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรกับรัสเซียเพื่อตอบโต้การรุกรานยูเครน
“ชาวอเมริกันเข้าใจดีว่าการปกป้องประชาธิปไตยและเสรีภาพไม่เคยเกิดขึ้นโดยไม่มีค่าใช้จ่าย” นายไบเดนกล่าว และว่าฝ่ายบริหารกำลังวางแผนรับมือฉุกเฉินกับผู้ผลิตและผู้ขนส่งสินค้าด้านพลังงานเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาขาดแคลนที่อาจเกิดขึ้น
ทั้งยังทิ้งท้ายถึงประชาชนชาวรัสเซียว่า “ถึงพลเมืองรัสเซีย คุณไม่ใช่ศัตรูของเราและผมไม่เชื่อว่าคุณต้องการทำสงครามนองเลือดทำลายล้างกับยูเครน”
ขณะที่องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) แสดงความเห็นว่านาโตมองโลกในแง่ดีด้วยความระมัดระวังต่อแถลงถอนทหารของรัสเซีย ส่วน นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวทางโทรศัพท์กับนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ว่าสหรัฐจำเป็นต้องเห็นการลดระดับที่มีความหมาย น่าเชื่อถือ และตรวจสอบได้
วันเดียวกัน กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่าภารกิจซ้อมรบในสาธารณรัฐไครเมีย ดินแดนยูเครนที่ประกาศเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียเมื่อปี 2557 สิ้นสุดลงแล้ว และจะถอนกำลังกลับฐานทัพหลัก โดยสถานีโทรทัศน์รัฐบาลรัสเซียแพร่ภาพกำลังทหารข้ามสะพานเชื่อมพรมแดนกลับไปยังรัสเซีย ส่วนรถถัง รถหุ้มเกราะ และยุทโธปกรณ์ต่างๆ ขนย้ายทางรถไฟ