'ธอส.' จัด 10,000 ลบ. ช่วยลูกค้าได้รับผลกระทบจากโควิด-19
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตามที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งปัจจุบันยังคงมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะภาคธุกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวอย่างมาก ธอส. จึงได้จัดทำมาตรการเพิ่มเติม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกค้าปัจจุบันของธนาคารที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันยิ่งขึ้น และครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทั้งในกรณีที่ยังมีสถานะผ่อนชำระปกติ และกรณีมีสถานะค้างชำระเงินงวดตั้งแต่เดือนมกราคม 2563
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ธอส. ได้เตรียมกรอบวงเงิน 10,000 ล้านบาท จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกค้าผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินงวดผ่อนชำระไม่เกิน 4 เดือน คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลดลงเหลือ 1.00% ต่อปี เพื่อลดภาระหนี้ที่ผ่อนชำระกับ ธอส. ทุกวัตถุประสงค์การกู้ ซึ่งผู้ขอรับมาตรการช่วยเหลือต้องมีคุณสมบัติ คือ เป็นลูกค้าปัจจุบันของ ธอส. ที่รายได้ต่อเดือนได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้แก่ ไกด์นำเที่ยว พนักงานโรงแรม ผู้ประกอบการรายย่อยที่ขายสินค้าในแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวในประเทศกลุ่มเสี่ยง หรืออาชีพอื่นที่แสดงหลักฐานให้ธนาคารตรวจสอบได้ว่าเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจริง อาทิ หนังสือรับรองจากหน่วยงานว่าถูกลดวันทำงาน ลดเงินเดือนหรือค่าจ้าง หรือถูกเลิกจ้าง หรือทะเบียนการค้าหรือสัญญาเช่าร้าน เป็นต้น และธนาคารจะยกเว้นค่าธรรมเนียมการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง
“ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบยื่นเอกสารเพื่อเข้าร่วมมาตรการได้ที่สาขาของธนาคารอาคารสงเคราะห์ทุกแห่ง
ทั่วประเทศ ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 และธนาคารสงวนสิทธิ์ในการกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดโครงการก่อนกำหนด หากธนาคารให้สินเชื่อเต็มวงเงินของโครงการแล้ว เนื่องจากวงเงินมีจำกัด กำหนดเงื่อนไขการใช้วงเงินลูกค้าที่ยื่นคำขอก่อนได้สิทธิก่อน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (คอลเซ็นเตอร์) โทร 0-2645-9000 และเฟซบุ๊ก แฟนเพจ ธนาคารอาคารสงเคราะห์” นายฉัตรชัย กล่าว
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ส่วนมาตรการด้านสถานที่ ธอส. จัดทำจุดคัดกรองโดยนำเครื่องวัดอุณหภูมิทางร่างกายแบบดิจิทัลมาใช้ในการตรวจลูกค้าและพนักงาน พร้อมทั้งจัดแอลกอฮอล์เจลล้างมือ บริเวณทางเข้าอาคารทั้งที่สำนักงานใหญ่ และสาขาต่างๆ โดยเฉพาะสาขาที่ตั้งอยู่ใน 8 จังหวัดเฝ้าระวัง ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ เชียงราย กระบี่ ภูเก็ต ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรปราการ และชลบุรี หากพบว่าลูกค้ามีอุณหภูมิร่างกายเกิน 37.5 องศาเซลเซียสจะแจกหน้ากากอนามัย และแยกการให้บริการออกมาในพื้นที่เฉพาะเพื่อป้องกันความเสี่ยง
ขณะที่ พนักงานที่เดินทางไปประเทศในกลุ่มเสี่ยง เมื่อกลับมาธนาคารจะให้พนักงานทำงานที่บ้านเป็นเวลา 7 วัน ถ้าไม่มีอาการป่วยหลังจากนั้นจะต้องติดตามอาการและรายงานผู้บังคับบัญชาจนกว่าจะครบ 14 วัน และธนาคารได้ออกประกาศคำสั่งภายในธนาคาร เรื่องแนวทางปฏิบัติตนของพนักงานกรณีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) อาทิ งดจัดงานสัมมนา ดูงาน หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่มีผู้เข้าร่วมจำนวนมากและกำหนดแนวทางปฏิบัติตนในกรณีต่างๆ ที่อาจมีความเสี่ยงจากการเดินทาง โดยในวันจันทร์ที่ 2 มีนาคม 2563 ธนาคารยังได้จัดให้มีทีมแพทย์และพยาบาล เข้าดำเนินการตรวจคัดกรองผู้บริหาร พนักงาน ตลอดจนบริษัทผู้เช่าอาคาร และบุคคลภายนอก ทั้งหมดที่ปฏิบัติงานในสำนักงานใหญ่อีกด้วย