รีเซต

เป้าหมายถัดไป "ชิคาโก" ทรัมป์เล็งปราบอาชญากรรม หลังส่งกองกำลังคุมวอชิงตันดี.ซี.

เป้าหมายถัดไป "ชิคาโก" ทรัมป์เล็งปราบอาชญากรรม หลังส่งกองกำลังคุมวอชิงตันดี.ซี.
TNN ช่อง16
23 สิงหาคม 2568 ( 12:54 )
11

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวานนี้ (22 สิงหาคม) ว่าเป้าหมายต่อไปที่เขาต้องการให้รัฐบาลกลางจะเข้าไปกวาดล้างและปราบปรามอาชญากรรม คือ “นครชิคาโก” ในรัฐอิลลินอยส์ ต่อจากการปราบปรามในเมืองหลวงอย่างกรุงวอชิงตันดี.ซี. โดยที่ทรัมป์ กล่าวว่าเขาต้องการเข้ามาจัดการในชิคาโกอย่างแน่นอน และยังแย้มด้วยว่าถัดจากชิคาโกเป้าเมืองหมายต่อไปของเขาคือ “นครนิวยอร์ก”


ด้าน แบรนดอน จอห์นสัน นายกเทศมนตรีนครชิคาโก ระบุในแถลงการณ์ว่า ชิคาโกรับฟังถ้อยแถลงของประธานาธิบดีอย่างจริงจัง แต่ขณะนี้ยังคงไม่ได้รับการยืนยันหรือการติดต่อใดใดที่เป็นทางการจากรัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์เกี่ยวกับการส่งกำลังเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางเข้ามาในชิคาโก


นายกเทศมนตรีนครชิคาโกระบุด้วยว่าอาชญากรรมต่าง ๆ อาทิ การฆาตกรรม การปล้น และเหตุกราดยิง ในชิคาโกได้ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญในปีที่ผ่านมา จอห์นสัน กังวลว่าอาจเกิดผลกระทบจากการนำกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเข้ามาประจำการในนครชิคาโกโดยมิชอบตามกฎหมาย โดยมองว่าปัญหาที่ทรัมป์ต้องการแก้ไขในชิคาโกนั้นเกิดขึ้นจากการไร้การประสานงาน แต่การส่งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเข้ามาอาจทำให้ความตึงเครียดระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐรุนแรงขึ้น ทั้งที่ความไว้วางใจระหว่างตำรวจและประชาชนควรป็นรากฐานสำคัญของการสร้างชุมชนที่ปลอดภัย



และจากถ้อยแถลงของนายกเทศมนตรีนครชิคาโก ทรัมป์ได้ออกมาตอบโต้กลับว่า จอห์นสัน ไร้ความสามารถ โดยอ้างว่าชิคาโกอันตรายมากขึ้นในสมัยที่จอห์นสันบริหาร และให้คำมั่นว่าจะใช้รัฐบาลกลางเข้ามาแทรกแซงเมื่อมีความพร้อม ซึ่งทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะจัดการชิคาโกเหมือนที่จัดการในดี.ซี. แต่ยังคงไม่ชัดเจนว่าการปราบปรามอาชญากรรมในชิคาโกตามคำกล่าวของทรัมป์จะเกิดขึ้นในรูปแบบใด และจะคล้ายกับมาตรการในวอชิงตันดี.ซี.หรือไม่ เนื่องจากวอชิงตัน ดี.ซี. ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐใดและถูกจำกัดอำนาจการปกครองตนเอง ทำให้ประธานาธิบดีสามารถเข้าควบคุมกรมตำรวจในพื้นที่ได้โดยตรง ซึ่งต่างจากชิคาโกที่อยู่ในรัฐอิลลินอยส์


อย่างไรก็ตาม ทรัมป์อ้างความสำเร็จของเขาในการเข้าควบคุมกรุงวอชิงตันดี.ซี.ด้วยการสั่งเจ้าหน้าที่ทหารจากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ หรือ เนชันแนลการ์ด (National Guard) เข้าประจำการและลาดตระเวนตามจุดต่าง ๆ ทั่วกรุงวอชิงตันดี.ซี.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจของรัฐบาลกลาง

ทรัมป์ชื่นชมผลงานตัวเองว่าเพียง 1 สัปดาห์ที่รัฐบาลกลางเข้ามาควบคุม วอชิงตันดี.ซี.ก็ไร้เหตุอาชญากรรมราวกับ “ปาฏิหาริย์” ทรัมป์กล่าวด้วยว่าเจ้าหน้าที่กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิจะสามารถตรึงกำลังอยู่ในเมืองหลวงได้นานเท่าที่ตัวเขาต้องการด้วยการประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินระดับชาติ

ทรัมป์ยังส่งคำขู่ไปถึง มูเรียล โบว์เซอร์ นายกเทศมนตรีของวอชิงตันดี.ซี.ว่าเขาอาจยกระดับมาตรการที่มากกว่าแค่การใช้กองกำลังเข้าควบคุมพื้นที่ หากนายกเทศมนตรีวอชิงตันดี.ซี.ยังไม่กระตือรือร้นในการทำหน้าที่ของเธอโดยตรง นอกจากนี้ทรัมป์ยังกล่าวโจมตีผลโพลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในกรุงวอชิงตันดี.ซี.เกี่ยวกับมาตรการยึดครองเมืองหลวงที่พบว่าส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ซึ่งทรัมป์เรียกการสำรวจนี้ว่าเป็น “เฟคนิวส์” (Fake News) ในทางตรงกันข้าม ทรัมป์กลับอ้างว่าผู้ที่อาศัยอยู่ที่นครชิคาโกและในเมืองอื่น ๆ ต่างเรียกร้องให้มีการปราบปรามอาชญากรรมและบังคับใช้กฎหมายในเมืองของพวกเขา


ขณะที่ คณะทํางานร่วม-ดี.ซี. หรือ Joint Task Force-DC. เปิดเผยว่าขณะนี้มีเจ้าหน้าที่จากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิมากกว่า 1,900 นาย ที่เดินทางมาจากแต่ละรัฐ อาทิ เวสต์ เวอร์จิเนีย, เซาท์แคโรไลนา, มิสซิสซิปปี, โอไฮโอ, ลุยเซียนา และ เทนเนสซี ถูกส่งเข้ามาประจำการในวอชิงตันดี.ซี.เพิ่มตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา


ทั้งนี้ มีรายงานว่าล่าสุดทางฝั่ง “พีท เฮกเซธ” รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่จากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิที่ลาดตระเวนตามท้องถนนในกรุงวอชิงตันดี.ซี.ให้สามารถ “พกอาวุธ” ไปด้วยระหว่างปฏิบัติงานได้แล้ว ซึ่งคำสั่งดังกล่าวเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากแนวทางที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เคยระบุก่อนหน้านี้ว่าบทบาทและหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิจะเข้ามาเป็นเพียงหน่วยสนับสนุน ซึ่งพวกเขาจะสามารถพกอาวุธได้ก็ต่อเมื่อเกิดเหตุจำเป็นเท่านั้น รวมไปยืนยันว่าอำนาจในการจับกุมยังคงเป็นของผู้บังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลางเท่านั้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง