ดาวโจนส์ ปิดลบกังวลแผนกระตุ้นศก.ล่าช้า
วันนี้(26 ม.ค. 64)ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 ม.ค.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการออกมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,960.00 จุด ลดลง 36.98 จุด หรือ -0.12% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,855.36 จุด เพิ่มขึ้น 13.89 จุด หรือ +0.36% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,635.99 จุด เพิ่มขึ้น 92.93 จุด หรือ +0.69%
นักลงทุนกังวลว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนอาจจะต้องปรับลดวงเงินในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้สามารถผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส หลังจากสมาชิกสภาคองเกรสหลายรายทั้งจากพรรครีพับลิกันและเดโมแครตต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ และตั้งข้อสงสัยถึงความจำเป็นของการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของปธน.ไบเดน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในสหรัฐ และการที่หุ้นเริ่มมีราคาแพง หลังจากพุ่งขึ้นขานรับการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของนายโจ ไบเดนก่อนหน้านี้ โดยขณะนี้ค่า Forward P/E Ratio ของดัชนี S&P 500 อยู่ใกล้ระดับสูงสุดในช่วงเกิดฟองสบู่ดอทคอมในปี 2543
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ นำโดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคดีดตัวขึ้น 1.95% โดยหุ้นเฟิร์สท์เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 1.89% หุ้นคอนโซลิเดทเต็ด เอดิสัน อิงค์ พุ่งขึ้น 2.63% หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 2.90%
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง 1.06% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.1% หุ้นเชฟรอน ลดลง 0.9% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ลดลง 0.37%
หุ้นคิมเบอร์ลี่ย์ คล๊าค ผู้จำหน่ายสินค้าเพื่อผู้บริโภครายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 3.25% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 4 รวมทั้งประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผล และประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนจำนวน 1 พันหุ้น
หุ้นเกมสต็อป (GameStop) ซึ่งเป็นธุรกิจค้าปลีกเกม ทะยานขึ้น 18.12%เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเพื่อชดเชยการทำชอร์ตเซล
นักลงทุนจับตาบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งที่จะรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ แอปเปิล, ไมโครซอฟท์, โบอิ้ง, เน็ตฟลิกซ์ และเทสลา ขณะที่ข้อมูลระบุว่า ในบรรดาบริษัทในดัชนี S&P 500 ที่มีการรายงานผลประกอบการในไตรมาส4/63 แล้วนั้น มีจำนวน 73% ที่รายงานตัวเลขรายได้และกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 26-27 ม.ค. โดยนักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% ขณะที่ตลาดจับตาดูว่าเฟดจะยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในวงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือนหรือไม่ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จาก Conference Board, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2563 (ประมาณการเบื้องต้น), ยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนธ.ค., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline