สธ.พบสาวเชียงราย ป่วยโควิดรายที่ 4 ก๊วนเดียวกันกับ 3 รายแรก ย้ำ ยังไม่พบติดเชื้อในปท.
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ที่ กระทรวงสาธารณสุข นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) พร้อมด้วย นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป แถลงข่าวความคืบหน้ากรณีการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ในประเทศไทย พื้นที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย
นพ.โสภณ กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ขณะนี้พบใน จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย รวมทั้งสิ้น 4 ราย โดยรายที่ 1 เป็นหญิงไทย อายุ 29 ปี พบที่ จ.เชียงใหม่ รายที่ 2 หญิงไทย อายุ 26 และ 23 ปี พบที่ จ.เชียงรายไทย ส่วนรายที่ 4 เป็นรายล่าสุด ข้อมูลรายงานช่วงเช้า หญิงไทย อายุ 25 ปี ผลตรวจยืนยันออกมาว่ามีการติดเชื้อ ทั้งนี้ ผู้ป่วย 4 ราย ติดเชื้อมากจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา โดยมีรายละเอียดดังนี้
รายที่ 1 ที่อยู่ใน จ.เชียงใหม่ ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน โดยการตรวจพบผู้ป่วยรายแรกใน จ.เชียงใหม่ ทำให้เพื่อนที่อยู่ในที่ทำงานเดียวกันจากประเทศเมียนมาทราบข่าวและเดินทางกลับมา โดยเข้าพักอยู่ใน จ.เชียงราย เป็นผู้ป่วยรายที่ 2 หญิงไทย อายุ 26 ปี เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน เริ่มมีอาการป่วย และเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน เดินทางกลับมาเมืองไทย โดยช่องทางธรรมชาติพร้อมเพื่อนหญิงชาวไทย อายุ 23 ปี ที่เดินทางมาด้วยกัน หลังจากนั้นเมื่อมาถึงก็ไปเช่าโรงแรมอยู่คนละห้อง หลังจากรายที่ 2 ตรวจพบเชื้อแล้วเจ้าหน้าที่ได้ไปรับรายที่ 3 เข้าตรวจเชื้อเพิ่มเติม ผลออกมาก็พบเชื้อเช่นกัน
นพ.โสภณ กล่าวว่า ในรายล่าสุด รายที่ 4 เดินทางกลับมาจากประเทศเมียนมาเช่นกัน ทำงานอยู่ในสถานบันเทิงเดียวกันกับรายที่ 2 และ 3 แต่ไม่ได้กลับมาพร้อมกับ 3 รายแรก ข้อมูลเบื้องต้นของผู้ป่วยรายที่ 4 เป็นหญิงไทย อายุ 25 ปี อาชีพรับจ้าง ภูมิลำเนาอยู่ จ.พะเยา เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน เดินทางไปทำงานที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา พร้อมเพื่อน 2 คน ไม่มีอาการป่วย ต่อมาเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน เดินทางเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติพร้อมเพื่อน 2 คน เข้าทาง อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยสวมหน้ากากอนามัยตลอด
เมื่อวันที่ 24-27 พฤศจิกายน เข้าพักที่โรงแรม ใน อ.แม่สาย ไม่ได้ออกจากห้องพักไปไหน โดยสั่งอาหารทาง Grab
เมื่อวันที่ 28-30 พฤศจิกายน ย้ายมาพักที่โรงแรมในเขต อ.เมือง จ.เชียงราย และได้ประสานเจ้าหน้าที่เพื่อขอมารับการตรวจหาเชื้อ
เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน เข้าไปรับการกักตัวที่กองร้อย อส. ได้ทำ TS/NPS ผล SAR-COV-2 Detected ได้รับการส่งตัวมารักษาที่ห้องแยกโรคโรงพยาบาลศูนย์เชียงรายประชานุเคราะห์(รพศ.ชร.)
“ทั้ง 4 รายมาจากประเทศเมียนมาเช่นกัน โดย 3 รายหลังทำงานอยู่ที่เดียวกัน แต่ไม่ได้เดินทางเข้ามาพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดอาการป่วยน้อยและเข้าสู่การรักษาพยาบาลอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงค่อนข้างปลอดภัยเมื่ออยู่ในมือของแพทย์ ส่วนโอกาสที่จะแพร่เชื้อ เนื่องจากตรวจพบเชื้อในระยะแรกที่ยังมีปริมาณเชื้อในระบบทางเดินหายใจที่ค่อนข้างมาก แต่ด้วยผู้ป่วยสวมหน้ากากอนามัยและหลีกเลี่ยงการพบกับผู้อื่น ซึ่งผู้ป่วย 3 รายหลังต่างจากรายที่ 1 ที่อยู่ใน จ.เชียงใหม่ ดังนั้น 3 รายหลังจึงมีโอกาสแพร่เชื้อไปหาผู้อื่นได้น้อย” นพ.โสภณ กล่าว
นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ประชาชนในพื้นที่ ผู้ประกอบการร้านค้า ให้ความร่วมมือในการป้องกันและควบคุมโรคด้วยการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคมรวมถึงการล้างมือ ประชาชนในพื้นที่มีความตระหนักในความสำคัญของการสวมหน้ากากมากขึ้น โดยสวมหน้ากากอนามัยมากขึ้นจากร้อยละ 50 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 80
“ในช่วง 2 วันที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อเดินทางมาจากเมียนมา แต่ยังไม่เกิดการติดเชื้อในประเทศไทยคาดว่าสถานการณ์เบื้องต้น ช่วง 2 วันแรกยังอยู่ในสถานการณ์ที่พบผู้ติดเชื้อเป็นรายๆ และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ โดยยังไม่มีการติดเชื้อในประเทศไทย” นพ.โสภณ กล่าว
ด้าน นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ขณะนี้ขอให้ผู้ที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศไทย ขอให้เข้ามาอย่างถูกกฎหมาย เข้ามาในทางปกติ เพราะการลักลอบเข้ามา ไม่ส่งผลดี ไม่ปลอดภัยทั้งตนเองและคนรอบข้าง จะเห็นได้จากการที่มีผู้ลักลอบเข้ามาเพียงไม่กี่ราย แต่จะต้องทำให้ตรวจหาเชื้อผู้สัมผัสอื่น ๆ อีกหลายร้อยราย ทำให้เสียงบประมาณอย่างมาก ทั้งนี้จะมีการดำเนินมาตรการทางกฎหมาย เอาผิดผู้กระทำการลักลอบเข้าเมือง แต่จะต้องรักษาเรื่องอาการป่วยให้หายดีก่อนจึงจะดำเนินคดีต่อไป แต่ในกรณีการพบผู้ป่วยใหม่ 4 ราย เป็นการพบในระยะที่ควบคุมได้ ไม่มีการแพร่ระบาดไปในพื้นที่อื่น และยังไม่มีการติดเชื้อในประเทศไทย
เมื่อถามว่าผู้สัมผัสใกล้ชิดของรายที่ 4 มีจำนวนกี่ราย นพ.โสภณ กล่าวว่า ผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงจะมีจำนวน 2 ราย คือ เพื่อนที่เดินทางมาด้วยกัน ผลตรวจไม่พบเชื้อแต่จะต้องกักตัวเพื่อสังเกตอาการต่ออีก 14 วัน
ถามต่อว่าในรายที่ 1 เป็นสาวไทย อายุ 29 ปี ใน จ.เชียงใหม่ ผลการตรวจเชื้อผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเป็นอย่างไร นพ.โสภณ กล่าวว่า ขณะนี้มีการตรวจในผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจำนวน 4 ราย เป็นเพื่อนชาย 1 รายและเพื่อนที่เที่ยวด้วยกันในสถานบันเทิง 2 ราย โดยผลการตรวจครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ไม่พบเชื้อโควิด-19 แต่จะต้องมีการตรวจซ้ำครั้งที่ 2 ในวันนี้ และกักตัวต่อให้ครบ 14 วัน และหากผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 4 รายดังกล่าวไม่มีการติดเชื้อ ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำรายอื่นๆ ก็จะมีความเสี่ยงที่ต่ำลงไป