แม่ค้าไก่ทอด ขนยาไอซ์-ยาบ้าแสนเม็ด เผยคนละครึ่ง ทำลูกค้าหาย ต้องหันมาขนยา

วันที่ 4 ธ.ค. 63 พ.ต.ต.อัศวิน พันธุ์วงษ์ สว.ส.ทล.ชุมพร พร้อมด้วย ร.ต.อ.อนันต์ เพ็ชรวงค์ รอง สว.ทล.ชุมพร นำตัว นางสมรัก ศรีพิทักษ์ อายุ 50 ปี มาสอบปากคำเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจทางหลวงชุมพร หลังถูก ว่าที่ ร.ต.อ.วสันต์ ตราโต รอง สว.(ป)ส.ทล.ชุมพร และ ร.ต.ท.ชาตรี สว.(ป)ส.ทล.ชุมพร จับกุมได้พร้อมของกลางเป็นยาบ้า จำนวน 1 แสนเม็ด และ ไอซ์ อีก 306 กรัม

พ.ต.ต.อัศวิน เผยว่า ขณะที่นายตำรวจทั้งสองออกปฏิบัติงานด้านป้องกันและปราบปรามการกระทำผิด บนถนนสายเอเชีย 41 บริเวณ กม. 23-24 ขาล่องใต้ ต.วิสัยใต้ อ.สวี จ.ชุมพร ได้พบรถยนต์ อีซูซุ แบบตอนครึ่ง ทะเบียนบพ6026อุบลราชธานี ขับมาและมีลักษณะผิดปกติ จึงขับรถตรวจการณ์ไล่ตาม เพื่อเรียกตรวจสอบ

จนทราบชื่อคนขับคือ นางสมรัก ซึ่งขับรถมาเพียงลำพัง จากการสอบถามให้การมีพิรุธ จึงขอตรวจค้นภายในรถ พบกล่องกระดาษแบบบรรจุพัสดุภัณฑ์ เมื่อเปิดดูพบยาบ้าและไอซ์ จึงจับกุมแล้วนำตัวพร้อมของกลางมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจทางหลวงดังกล่าว

จากการสอบปากคำ นางสมรัก ให้การรับสารภาพว่า ตนมีอาชีพเป็นแม่ค้าขายไก่ทอด สูตรหาดใหญ่ โดยจะตระเวนไปขายตามตลาดนัดทั่วไปในกรุงเทพมหานคร ต่อมาเมื่อต้นปี จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ต้องหยุดขายไก่ทอดไประยะหนึ่ง และล่าสุดเจอพิษจากโครงการคนละครึ่ง จากเดิมที่เคยไก่วันละหลาย ๆ กิโลกรัม ข้าวเหนียววันละ 15 กิโลกรัม ตอนนี้ ข้าวเหนียวนึ่งขายเพียง 5 กิโลกรัม ก็ยังขายไม่หมด เพราะลูกค้าไปหาซื้อที่อื่นที่ร่วมโครงการคนละครึ่ง และไปหาซื้อในระบบออนไลน์กันหมด ทำให้ยอดตก ขายไม่ได้ ขาดทุนซ้ำแล้วซ้ำอีก

ทำให้ต้องไปกู้เงินนอกระบบ 100 ละ 20 ประกอบกับต้องมาติดผ่อนชำระค่างวดรถมาหลายเดือนแล้ว ร่วมแสนบาท ไม่รู้จะไปหาเงินที่ไหนมาชำระค่างวดและต้องจ่ายรายวัน กระทั่งมีเพื่อนแม่ค้าด้วยกัน แนะนำให้รู้จักกับ นายดอก รู้เพียงชื่อเล่น เป็นขบวนการค้ายาเสพติด ว่าจ้างให้ขนยาเสพติดลงภาคใต้ แต่ไม่ได้ตกลงค่าจ้างกัน แต่เชื่อว่าคงเงินพอผ่อนหนี้ได้ เพราะเห็นตามข่าวค่าจ้างสูงเลยตอบตกลง เพราะหมดหาทางหาเงินจริง และรับงานนี้เป็นงานแรก

โดยนำรถไปจอดทิ้งกุญแจไว้ริมถนนที่พุทธมณฑลสาย 1 เมื่อเวลา 9 โมงเช้า ของวันที่ 3 ธ.ค. 63 แล้วจะมีคนนำยาเสพติดมาใส่ จากนั้น นายดอก จะโทรให้ไปรับรถ แล้วออกเดินทางเมื่อเวลา 21.30 น. ของวันเดียวกัน โดย นายดอก จะโทรมาเป็นระยะ ไม่รู้จุดหมายปลายทางที่ไหน จนมาถูกตำรวจทางหลวงจับในที่สุด

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้บันทึกปากคำพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา มียาเสพติดประเภท 1 ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ก่อนนำตัวพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สวี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป