ธปท.เผยสินเชื่อแบงก์หดตัว 3 ไตรมาสติด

นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 หดตัวอยู่ที่ร้อยละ 1.3  หดตัวมากกว่าไตรมาส 4 ปี 2567 ที่หดตัวร้อยละ 0.4  และเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 โดยปัจจัยหลักมาจากการชำระคืนหนี้ที่อยู่ในระดับสูงของธุรกิจขนาดใหญ่ 

ทั้งนี้ แม้ธุรกิจขนาดใหญ่จะชำระคืนหนี้ในระดับสูงแต่สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ยังขยายตัวได้ร้อยละ 1.5  ขณะที่สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) หดตัวร้อยละ 5.5 ส่วนหนึ่งมาจากธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ รวมถึงสินเชื่ออุปโภคบริโภคก็ลดลงต่อเนื่องที่ร้อยละ 2.2 ตามความเสี่ยงด้านเครดิตที่ยังอยู่ในระดับสูง

สำหรับแนวโน้มสินเชื่อในระยะต่อไป ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธปท.ยอมรับว่า มีแนวโน้มชะลอลง เนื่องจากมีความท้าทายจากผลกระทบนโยบายการค้าสหรัฐฯ หลังครบกำหนด 90 วัน จึงต้องติดตามใกล้ชิด

ขณะที่สินเชื่อไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)  ในไตรมาสแรกปีนี้มียอดคงค้าง 548,100 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ร้อยละ 2.90  เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ 2.78  สาเหตุจากปริมาณเอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้น และผลของฐานสินเชื่อหดตัว

โดยเฉพาะเอ็นพีแอลของสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 7.35 ของสินเชื่อเอสเอ็มอีทั้งหมด  สูงสุดนับตั้งแต่วิกฤตโควิด หรือในปี 2564 ที่ร้อยละ 7.08 ขณะที่เอ็นพีแอลสินชื่ออุปโภคบริโภคที่มีเอ็นอีแอลเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือสินเชื่อที่อยู่อาศัยอยู่ที่ร้อยละ 4.10 ของสินเชื่อบ้านทั้งหมด  ส่วนใหญ่เป็นบ้านราคาสูงกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไป  

สำหรับแนวโน้มเอ็นพีแอลในระยะต่อไป นางสาวสุวรรณีกล่าวว่า จากข้อมูลแนวโน้มยังมีน่าความกังวลอยู่ นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าสหรัฐฯ ยังต้องติดตามใกล้ชิด เนื่องจากหากการส่งออกได้รับผลกระทบ และมีการปลด (Layoff) คนงาน ก็จะเพิ่มความกังวลต่อแนวโน้มเอ็นพีแอล  จึงต้องรอดูผลการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่

อย่างไรก็ดี ระบบธนาคารพาณิชย์ยังมีความมั่นคง เงินกองทุน เงินสํารอง และสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง