5 อันดับกองทุนหุ้นต่างประเทศที่มีผลตอบแทนสูงสุด
มอร์นิ่งสตาร์เผย 5 เดือน 'กองหุ้นเวียดนาม' นำโด่ง 30%
"มอร์นิ่งสตาร์"เผยผลตอบแทนกองทุนหุ้นต่างประเทศ 5 เดือนแรกปีนี้พบเวียดนามสูงสุด30.1%รับอานิสงส์คุมโควิดระบาดได้เร็ว-มีศักยภาพโตสูงบลจ.ยูโอบี แนะลงทุนไม่ควรเกิน 15% ของพอร์ตลงทุน
มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย)รายงาน 5 อันดับกองทุนหุ้นต่างประเทศที่มีผลตอบแทนสูงสุดในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-พ.ค.2564)พบว่า
อันดับ 1.คือกองทุนหุ้นเวียดนาม ผลตอบแทนเฉลี่ยที่30.1%
อันดับ 2. กองทุนหุ้นอินเดียที่ 12.7%
อันดับ 3.กองทุนหุ้นสหรัฐที่ 10.5%
อันดับ 4.กองหุ้นญี่ปุ่น ที่ 4.6%และ
อันดับ 5. กองทุนหุ้นจีนเฉลี่ยที่ 3.9%
นางสาวชญานี จึงมานนท์ นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) เปิดเผยว่าในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ผลตอบแทนกองทุนหุ้นต่างประเทศหลายกลุ่มยังปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง ท่ามกลางความกังวลอัตราเงินเฟ้อที่จะสูงขึ้นอันเนื่องมาจากเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ที่เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ก็ยังชะลอตัวลงจากสื้นปี2563แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยของแต่ละประเทศ
ทั้งนี้กองทุนหุ้นเวียดนาม สร้างผลตอบแทนได้สูงสุด เนื่องจากจากการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19ได้รวดเร็ว ทำให้เป็นที่จับตามองว่า เวียดนามมีศักยภาพการเติบโตสูงโดยหุ้นที่ขับเคลื่อนตลาดมีทั้งธนาคาร สินค้าอุปโภคบริโภค ค้าปลีก และอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ โดยในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้กองทุนหุ้นเวียดนาม มีผลตอบแทนแฉลี่ยสะสมสูงสุดอยู่ที่ 30.1% เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากสิ้นปี 2563ผลตอบแทนแฉลี่ย 15.9%
อย่างไรก็ตามการลงทุนกองทุนต่างประเทศที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งแต่ในแต่ละตลาดก็มีปัจจัยที่ต้องพิจารณาแตกต่างกัน เช่น จีนและสหรัฐฯ อาจต้องจับตาความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ รวมทั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังจากนี้ อย่างเวียดนาม
แนะว่า การลงทุนในต่างประเทศนักลงทุนควรให้ความสำคัญกับการจัดพอร์ตการลงทุนตามสัดส่วนที่เหมาะสม และคำนึงถึงมูลค่าการลงทุนมากกว่าทิศทางตลาดที่อาจไม่ได้สะท้อนปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจทั้งหมด
นายจิติพลพฤกษาเมธานันท์นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ยูโอบี (ประเทศไทย) กล่าวว่าหุ้นเวียดนามปรับตัวขึ้นมามาก เหตุผลหลักมาจากสภาพคล่องต่ำ และไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 เท่าหลายประเทศใหญ่ๆแต่ถ้ามองในมุมการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามปีนี้อาจไม่ได้โดดเด่นมากนัก เพราะหลายประเทศก็ฟื้นตัวและเติบโตสูงเช่นกัน
นอกจากนี้หุ้นเวียดนามไม่ใช่การลงทุนสำหรับทุกคน เนื่องจากเป็นตลาดชายขอบ (Frontier) จึงจะมีความเสี่ยงมากกว่าตลาดอื่นๆ ดังน้น นักลงทุนที่สนใจต้องรับความเสี่ยงเรื่องการเมือง กฏเกณฑ์ และสภาพคล่องได้มากกว่าปกติ แนะนำสัดส่วนการลงทุนไม่ควรเกิน 15% ของพอร์ตลงทุน