นายกฯ ร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย ย้ำบทบาทไทย แก้ไขทุกปัญหาความท้าทายร่วมกัน
นายกฯ ออกเดินทางร่วมการประชุม สุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ (2024 ASEAN-Australia Special Summit) ที่นครเมลเบิร์น พร้อมเน้นย้ำบทบาทไทยผสานความร่วมมือในภูมิภาค และแก้ไขทุกปัญหาความท้าทายร่วมกัน
วันนี้ ( 4 มีนาคม 2567 ) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า วันนี้ เวลา 08.30 น. นายกรัฐมนตรีจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปยังนครเมลเบิร์น เครือรัฐออสเตรเลีย (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชม. 55 นาที) เดินทางถึงท่าอากาศยานเมลเบิร์นเวลา 21.25 น. (เวลาท้องถิ่นนครเมลเบิร์น ซึ่งเร็วกว่าไทย 4 ชม.) เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ (2024 ASEAN-Australia Special Summit) เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ ระหว่างวันที่ 4 – 6 มีนาคม 2567
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า ในการร่วมการประชุมครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะหยิบยกประเด็นสำคัญที่เป็นประโยชน์กับไทยในการประชุมฯ ที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือ ได้แก่ ความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ (Seamless Logistics) ทั้งด้านการลงทุน โครงสร้างพื้นฐาน และความเชื่อมโยงระหว่างประชาชน ซึ่งรวมถึง การใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี การลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (ท่าเรือ โครงการ Landbridge และ โครงการ EEC) เศรษฐกิจดิจิทัล และการอำนวยความสะดวกด้านวีซ่า รวมทั้ง วาระสีเขียว (Green Agenda) ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
โดยรวมถึงการผลักดันเพื่อแก้ไขปัญหาในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ อาทิ การแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ ยืนยันย้ำท่าทีไทยในการเจรจาจัดทำประมวลการปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (Code of Conduct in the South China Sea) ที่มีประสิทธิภาพ การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในเมียนมา ความมั่นคงด้านอาหารและสุขภาพ โดยเฉพาะการนำเสนอบทบาทที่สร้างสรรค์ของไทย โดยเฉพาะการผลักดันการจัดตั้ง ศูนย์อาเซียนว่าด้วยสาธารณสุขฉุกเฉินและโรคอุบัติใหม่ (ACPHEED) ให้เป็นรูปธรรม และร่วมกันต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เน้นความร่วมมือด้านการลงทุนและนวัตกรรมสีเขียว และการใช้นวัตกรรมในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ
ซึ่งในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการพบหารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว นายกรัฐมนตรีเครือรัฐออสเตรเลีย และ นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ รวมทั้ง มีกำหนดการพบหารือกับผู้บริหารสำคัญของบริษัทระดับโลก อาทิ บริษัท Fortescue (เหมืองแร่และพลังงานสีเขียว) Linfox (คมนาคมและโลจิสติกส์) Redflow (ระบบกักเก็บ พลังงานจากสังกะสีและโบรมีน) ANCA (การพัฒนา software) NextDC (การบริหารข้อมูล) และ Hesta (กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ)
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะเสร็จสิ้นภารกิจที่นครเมลเบิร์นช่วงเย็นวันที่ 6 มีนาคม 2567 ตามเวลาท้องถิ่น และจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานเมลเบิร์น ไปยังกรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เพื่อร่วมงาน ITB Berlin 2024 ต่อไป และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีจะประชาสัมพันธ์ข่าว ภาพ และวิดีโอจากการปฏิบัติภารกิจของนายกรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่องต่อไป
ภาพ : รัฐบาลไทย