วิกฤตน้ำท่วมซ้ำเติมภาคเหนือและอีสาน: บททดสอบการรับมือภัยพิบัติของไทย
ในช่วงกลางเดือนกันยายน 2567 ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตน้ำท่วมครั้งใหญ่ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สถานการณ์ดังกล่าวเป็นผลมาจากพายุฝนที่ตกหนักต่อเนื่องหลายวัน ประกอบกับการระบายน้ำจากเขื่อนในประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มในหลายพื้นที่
ความเสียหายในภาคเหนือ
จังหวัดเชียงรายได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะในเขตอำเภอแม่สาย แม่จัน และแม่ฟ้าหลวง มีรายงานผู้เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บอีก 2 ราย จากเหตุดินโคลนถล่ม บ้านเรือนกว่า 45,000 หลังคาเรือนได้รับความเสียหาย ขณะที่สถานบริการสาธารณสุข 5 แห่งถูกน้ำท่วม แต่ยังคงให้บริการได้
ในจังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่อำเภอฝางและแม่อายประสบปัญหาหนัก มีผู้เสียชีวิต 6 ราย บาดเจ็บ 3 ราย ครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบมีจำนวนกว่า 2,900 หลังคาเรือน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางแห่งต้องปิดให้บริการชั่วคราว
วิกฤตในภาคอีสาน
สถานการณ์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือกำลังทวีความรุนแรง โดยเฉพาะจังหวัดริมแม่น้ำโขง อาทิ หนองคาย เลย และบึงกาฬ ซึ่งกำลังเผชิญกับน้ำโขงล้นตลิ่ง ในจังหวัดหนองคาย มีรายงานน้ำท่วมใน 5 อำเภอ ครอบคลุม 16 ตำบล 75 หมู่บ้าน โรงพยาบาลหนองคายและโรงพยาบาลศรีเชียงใหม่ต้องปรับลดการให้บริการ โดยรับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น
ที่จังหวัดบึงกาฬ น้ำท่วมส่งผลกระทบต่อย่านการค้าในอำเภอเซกา ทำให้ร้านค้าและบ้านเรือนจำนวนมากเสียหาย ทางหลวงบางสายต้องปิดการจราจรชั่วคราวเป็นระยะทางกว่า 150 เมตร
แม่น้ำโขง: ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ออกประกาศเตือนว่าระดับน้ำในแม่น้ำโขงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงวันที่ 12-16 กันยายน 2567 โดยคาดการณ์ว่าที่สถานีเชียงคาน จังหวัดเลย ระดับน้ำจะสูงกว่าตลิ่ง 0.50-1.50 เมตร ส่วนที่สถานีหนองคาย จังหวัดหนองคาย และจังหวัดบึงกาฬ ระดับน้ำอาจสูงกว่าตลิ่งถึง 1.50-2.50 เมตร
การรับมือและให้ความช่วยเหลือ
รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยกรมบัญชีกลางได้อนุมัติงบประมาณฉุกเฉินเพิ่มเติมให้จังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ จังหวัดละ 100 ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า นอกจากนี้ ยังมีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ อุปกรณ์ช่วยเหลือ เช่น เรือท้องแบน และยานพาหนะต่างๆ เข้าช่วยเหลือและอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย
มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้นำถุงยังชีพพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จำนวน 755 ชุด พร้อมอาหารและน้ำดื่ม ไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัยในจังหวัดพิษณุโลก
การเตรียมพร้อมรับมือ
กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเตือนว่าในช่วงวันที่ 14-17 กันยายน 2567 จะมีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก
----------------
วิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงของภัยธรรมชาติ แต่ยังเป็นบททดสอบสำคัญของระบบการจัดการภัยพิบัติของประเทศไทย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับความท้าทายในอนาคต ประชาชนควรติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดและปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ในขณะเดียวกัน การเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติในระยะยาว ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ระบบเตือนภัย และการวางแผนการใช้ที่ดิน จะเป็นกุญแจสำคัญในการลดผลกระทบจากภัยธรรมชาติในอนาคต
ภาพ PR-nongkhai สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย