รีเซต

MFCแนะลงสินทรัพย์ทางเลือก ไพรเวทเครดิตผลตอบแทนแจ่ม

MFCแนะลงสินทรัพย์ทางเลือก ไพรเวทเครดิตผลตอบแทนแจ่ม
ทันหุ้น
5 มิถุนายน 2567 ( 16:43 )
39

#MFC #ทันหุ้น MFC เผยธุรกิจกองทุนเฟ้นสินทรัพย์ทางเลือกเสิร์ฟนักลงทุนมากขึ้น สร้างโอกาสพร้อมกระจายลงทุนเพื่อรับมือกับความผันผวนในตลาดหุ้น และตราสารหนี้ ชู “ไพรเวท เครดิต” ที่สร้างผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเงินกู้ที่ปล่อยตรงกับเอกชน ล่าสุด MFC เสนอขาย MPCREDIT-UI นักลงทุนรายใหญ่ตอบรับดี


นายเชาวน์กร โชติบัณฑ์ Head of Investment Strategy บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC กล่าวว่า ปัจจุบันจะเห็นว่าธุรกิจกองทุนมองหาโอกาสในการลงทุนสินทรัพย์ทางเลือกใหม่ๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุนได้กระจายพอร์ต เพื่อรับโอกาสในการสร้างผลตอบแทน รวมถึงความเสี่ยงได้มากขึ้น เนื่องจากสินทรัพย์แต่ละประเภทจะมีความเสี่ยง ความผันผวน และสร้างตอบแทนได้ต่างกัน ภายใต้สถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา


“ช่วงนี้จะเห็นได้กว่า บลจ.หลายแห่ง มีการแนะนำนักลงทุน UI ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกที่เรียกว่า ไพรเวท เครดิต (Private Credit) ซึ่งในไทยอาจดูเป็นเรื่องใหม่ แต่ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว ด้วยความเป็นระบบทุน ทำให้ตัวเลือกที่ภาคเอกชนเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้มากขึ้นจึงไม่ได้มีแค่แบงก์เท่านั้น ซึ่งต่างจากไทยที่ส่วนใหญ่จะวิ่งตรงเข้าหาแบงก์”


*ให้ดบ.สูงกว่าแบงก์

แน่นอนว่าดอกเบี้ยที่ให้กับผู้กู้ยอมสูงกว่าแบงก์ แต่อะไรที่ทำให้เอกชนเลือกขอผ่าน Private Credit ซึ่ง นายเชาวน์กร เล่าว่า ตั้งแต่วิกฤตแฮมเบแบอร์เกอร์ที่กระทบต่อสถาบันการเงิน ทำให้หน่วยงานรัฐเพิ่มเกณฑ์เข้างวดกับธนาคารมากขึ้น ผลของความเข้มงวดดังกล่าวไม่เพียงทำให้แบงก์ต้องตั้งสำรองสูงเพื่อรักษาระดับความเสี่ยงให้เหมาะสม การปล่อยกู้ก็ยากขึ้น เพราะหากปล่อยกู้มาก ก็ต้องตั้งสำรองมาก ถือเป็นต้นทุนธุรกิจ ดังนั้นแบงก์จะปล่อยกู้ในวงเงินที่จำกัดไม่เต็ม100%


“แม้กู้แบงก์จะดอกเบี้ยต่ำกว่า แต่การก็กู้ไม่ได้ตามที่ต้องการ ขณะที่สินทรัพย์ที่นำมาค้ำประกันก็ค่อนข้างจำกัด ไม่ยืดหยุ่นเหมือน Private Credit ที่สามารถนำ สินค้าคงคลัง ส่วนของผู้ถือหุ้นมาเป็นหลักทรัพย์ค่ำประกันได้ ความยืดหยุ่นที่มากกว่า การได้วงเงินกู้ตามต้องการ ความเร็วในการดำเนินการ ดังนั้นแม้จะดอกเบี้ยสูงก็ทำให้การขอสินเชื่อกับ Private Creditเป็นที่ต้องการของตลาด”


นายเชาวน์กร กล่าวต่อว่า สำหรับช่วงที่ผ่านมา MFC ได้เปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ไพรเวท เครดิต โซลูชั่น ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (MPCREDIT-UI) ไปแล้วนั้น ในส่วนของการตอบรับถือว่า ผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ (Ultra High Net Worth) ก็ได้รับการตอบรับที่ดี 


*ลงในกองทุน Apollo

กองทุน MPCREDIT-UI มีนโยบายการลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) คือ กองทุน Apollo Debt Solutions BDC iCapital Offshore Access Fund SPC (กองทุนหลัก) ชนิดหน่วยลงทุน Class C-I-Dis ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD)


โดย MFC เลือกลงทุนตรงกับกองทุน  Apollo Debt Solutions BDC iCapital Offshore Access Fund SPC เนื่องจากเน้นปล่อยกู้ให้กับบริษัทขนาดใหญ่ มีความมั่นคงสูงเป้นธุรกิจที่มีกระแสเงินสดเข้ามาสม่ำเสมอจากลูกค้า หรือสมาชิกรายเดือน 


ขณะเดียวกัน Apolloก็มีอำนาจสูงในการต่อรองสัญญากับผู้กู้ เช่นเมื่อกระแสเงินสดเข้ามาจะต้องจ่ายคืนหนี้เงินกู้ให้กับ Apollo ก่อน หรือเมื่อกู้จาก Apolloแล้ว บริษัทนั้นจะถูกมอนิเตอร์และระวังการก่อหนี้เพิ่มด้วย เพื่อไมให้กระทบต่อการคืนหนี้กับ Apollo


นอกจากนี้ Apollo Corporate Credit มี อัตราการผิดนัดชำระหนี้ (Default Rate )ที่ตํ่า (0.1%) และ อัตราการเรียกคืนหนี้ได้หลังจากการเกิดผิดนัด (Recovery Rate) ที่สูง ถึง64% เมื่อเทียบกับตลาดโดยรวม


สำหรับ Private Credit มีผลตอบแทนที่น่าสนใจ ข้อมูลช่วงเดือนกันยายน 2566 ผลตอบแทนอยู่ที่ 11.63% ทั้งนี้แม้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ของ Private Credit เป็นแบบลอยตัว (Floating Rate + Spread) แต่ก็ยังให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจอยู่ แม้ในระยะถัดไป เฟดมีแนวโน้มที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงก็ตาม


MFC มองว่า การลดดอกเบี้ยลงกระทบผลตอบแทนนของPrivate Credit ไม่มากนัก เนื่องจากคาดว่า เฟดจะค่อยๆ ปรับลดดอกเบี้ยลง และจะลงไม่มาก โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอยู่ที่ราว 5.50% ถ้าปรับลง 0.50% ก็ยังทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้น่าสนใจอยู่


ทั้งนี้ MPCREDIT-UI (กองทุนรวมที่เสนอขายสำหรับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษเท่านั้น กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงหรือซับซ้อน) และกองทุนนี้ไม่ถูกจำกัดความเสี่ยงด้านการลงทุนเช่นเดียวกับกองทุนรวมทั่วไป และลงทุนกระจุกตัวในตราสารที่มีความเสี่ยงด้านเครดิตและสภาพคล่อง 


ดังนั้น หากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก จึงเหมาะกับผู้ลงทุนที่รับผลขาดทุนระดับสูงได้เท่านั้น 


ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน กองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยง อัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และ/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง