รีเซต

อสังหาฯอ้อนรัฐออกมาตรการกระตุ้น ชี้แม้Q3 เปิดมากขึ้นไม่ได้หมายความว่าตลาดกลับมาดี

อสังหาฯอ้อนรัฐออกมาตรการกระตุ้น ชี้แม้Q3 เปิดมากขึ้นไม่ได้หมายความว่าตลาดกลับมาดี
มติชน
2 ตุลาคม 2563 ( 10:48 )
79

นายสุรเชษฐ์ กองชีพ ผู้ก่อตั้ง บริษัท ฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นต์ แอนด์ คอนซัลแทนซ์ จำกัด เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมใหม่อีกครั้ง หลังจากที่ชะลอการเปิดขายโครงการใหม่ไปในช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปีพ.ศ.2563 โดยคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 3 มีทั้งหมดประมาณ 8,480 ยูนิต ซึ่งเป็นจำนวนคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ที่มากกว่าจำนวนคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ใน 2 ไตรมาสแรกรวมกัน อย่างไรก็ตามการเปิดขายโครงการใหม่ไม่ได้หมายความว่าตลาดคอนโดมิเนียมกลับมาฟื้นตัวหรือว่าผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจหรือกำลังซื้อของคนไทย

 

รวมไปถึงหมดความกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่การเปิดใหม่เพราะไม่สามารถชะลอการเปิดขายโครงการใหม่ออกไปได้นานกว่านี้ เพราะหลายโครงการเลื่อนการเปิดขายโครงการใหม่มาจากช่วงครึ่งแรกปีพ.ศ.2563 และมีอีกหลายโครงการที่เลื่อนการเปิดขายโครงการใหม่ออกไปจากไตรมาสที่ 3 โดยเลื่อนไปเปิดขายโครงการใหม่ในเดือนตุลาคมหรือปีพ.ศ.2564 นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังคงเร่งการโอนกรรมสิทธิ์โครงการที่สร้างเสร็จก่อนหน้านี้ โดยมีทั้งการลดราคาหรือออกโปรโมชั่นต่างๆ มาดึงดูดความน่าสนใจของผู้ที่กำลังตัดสินใจซื้อ อีกทั้งยังเป็นการดึงผู้ที่ซื้อไปก่อนหน้านี้ให้โอนกรรมสิทธิ์ด้วย

 

แม้ว่าจะมีผู้ซื้อบางส่วนจำเป็นต้องเจรจากับผู้ประกอบการเพราะติดปัญหาเรื่องการขอสินเชื่อ เนื่องจากบริษัทปิดตัว โดนพักงาน ให้ออกจากงาน หรือโดนลดเงินเดือน รวมไปถึงความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร และอีกหลายปัญหาในช่วงนี้ ผู้ซื้อชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยไม่ได้ก็ยังคงเป็นกลุ่มที่ผู้ประกอบการพยายามรักษาเอาไว้ให้ได้มากที่สุดโดยการยืดระยะเวลาการผ่อนดาวน์ออกไปจากกำหนดเดิม แต่ก็มีบางส่วนที่ชัดเจนว่าไม่ต้องการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมที่พวกเขาซื้อไว้

 

นายสุรเชษฐ์กล่าวว่า ผู้ประกอบการให้ความสนใจกับโครงการคอนโดมิเนียมในระดับราคาไม่เกิน 100,000 บาทต่อตารางเมตรแบบชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถสังเกตได้เสมอเวลาภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เนื่องจากโครงการระดับราคาไม่แพงจะสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อได้มากกว่าโครงการราคาสูง อีกทั้งยังใช้เงินลงทุนไม่มาก แม้ว่าคอนโดมิเนียมในระดับราคาขายต่ำกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตรจะเป็นระดับราคาที่ผู้ประกอบการให้ความสนใจมาโดยตลอดก็ตาม แต่ก่อนหน้านี้ยังมีโครการในระดับราคาอื่นๆ เปิดขายมากกว่าปีนี้แบบชัดเจน โดยโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในระดับราคาไม่เกิน 100,000 บาทต่อตารางเมตรมากถึง 78% จากจำนวนทั้งหมด 14,298 ยูนิตที่เปิดขายใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมาของปีพ.ศ.2563 ช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมาแทบไม่มีโครงการคอนโดมิเนียมราคาขายมากกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตรเปิดขายเลย แตกต่างจากปีก่อนหน้านี้แบบชัดเจน

 

นายสุรเชษฐ์กล่าวว่า ราคาขายคอนโดมิเนียมก็ไม่มีการปรับเพิ่มขึ้นเลยในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมาอาจจะมีบางโครงการที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่ส่วนใหญ่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนักในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา มีหลายโครงการที่ลดราคาขายลงเพื่อเร่งให้เกิดการโอนกรรมสิทธิ์แต่ก็เป็นการลดราคาในส่วนของยูนิตเหลือขาย ส่วนราคาขายเฉลี่ยของโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 3 ยังคงใกล้เคียงจากไตรมาสที่ผ่านมา เพราะผู้ประกอบการยังคงให้ความสนใจในโครงการที่มีราคาขายต่ำกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตร อีกทั้งยังมีโครงการของการกรมธนารักษ์ และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนที่เปิดให้ข้าราชการพลเรือนจองคอนโดมิเนียมได้ในราคาประมาณ 25,000 บาทต่อตารางเมตรซึ่งยอดคนจองสิทธิ์มากกว่าจำนวนยูนิตของทุกโครงการไปแล้ว

 

“อัตราการขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ประมาณ 40% เพิ่มขึ้นมามากกว่าไตรมาสก่อนหน้านี้ เพราะมีโครงการคอนโดมิเนียมบางโครงการปิดการขายหรือมีอัตราการขายได้ที่ค่อนข้างสูงหลังจากเปิดขายแบบเป็นทางการ เพราะด้วยทำเล และราคาขายซึ่งเป็นราคาที่ผู้ประกอบการไม่ได้ตั้งไว้สูงเกินไป แต่สอดคล้องกับภาวะตลาดรวมไปถึงสอดคล้องกับทำเล ” นายสุรเชษฐ์กล่าวและว่า คาดว่าคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในปีพ.ศ.2563 มีความเป็นไปได้ที่จะไม่มากกว่า 20,000 ยูนิต

 

ซึ่งปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียม คือ สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ถ้าการเปิดประเทศให้ชาวต่างชาติเริ่มเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ภายใต้เงื่อนไขที่วางไว้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2563 แล้วไม่มีปัญหาใดๆ ก็มีความเป็นไปได้ที่อาจจะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการแล้วเปิดขาย แต่สิ่งที่หลายฝ่ายยังคงกังวลอยู่คือสถานการณ์ทางการเมืองที่อาจพลิกผันได้และต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะมีผลต่อความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ การเปิดขายโครงการบ้านจัดสรรของผู้ประกอบการเป็น 1 ในช่องทางการสร้างรายได้เพิ่มของผู้ประกอบการในภาวะที่ตลาดคอนโดมิเนียมชะลอตัว ผู้ประกอบการและสมาคมด้านอสังหาริมทรัพย์พยายามเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือเพื่อช่วยให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็น 1 ในกลไกการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ยังคงไม่ได้คำตอบจากรัฐบาล

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง