รีเซต

มีเงิน = ความสุข ? ส่องผลสำรวจคนรุ่นใหม่ เครียดค่าครองชีพ

มีเงิน = ความสุข ?   ส่องผลสำรวจคนรุ่นใหม่  เครียดค่าครองชีพ
TNN ช่อง16
11 มิถุนายน 2568 ( 08:00 )
10

“รายได้ ความหมายของงาน และความเป็นอยู่ที่ดี”


มีคนเคยบอกว่า เงินซื้อความสุขไม่ได้ แต่ผลสำรวจล่าสุดที่เจอมา

กลับบอกว่ารายได้ คือ ความสุข โดยเฉพาะคนในยุคนี้ 

และที่น่าตกใจ คือ "คนไทย" ส่วนใหญ่ตอนนี้

กำลังใช้เงินแบบเดือนชนเดือน ไม่เหลือเก็บ ไม่เหลือออมแล้วด้วย 


เพราะรายได้ หรือ การมีเงิน สัมพันธ์กับความสุข นี่คือที่ผู้คนรู้สึกจริงๆ ณ วันนี้ 

ข้อมูลจาก ดีลอยท์ ประเทศไทย เผยผลสำรวจ Deloitte Global 2025 Gen Z and  Millennial Survey

ซึ่งเป็นการสำรวจพฤติกรรมวัยทำงาน Gen Z และ Gen Y ของประเทศไทย ประจำปี 2568 

ปรากฎว่า การสำรวจครั้งนี้ พบว่าคนรุ่นใหม่ชาวไทยทั้ง Gen Z และ Gen Y 

ให้ความสำคัญสูงสุดกับ 3 คุณค่าหลัก

ได้แก่ “รายได้ ความหมายของงาน และความเป็นอยู่ที่ดี” 


และอย่างที่บอกไป เงิน สำคัญอย่างยิ่งกับความสุข 

เพราะในผลสำรวจครั้งนี้พบว่า 

คนส่วนใหญ่ระบุว่า รายได้มีความเชื่อมโยงกับระดับความสุขของทุกคนมากที่สุด 

มีค่าเฉลี่ยสูงถึง 64% 

ตามมาด้วย ความเป็นอยู่ที่ดีและความหมายของงาน มีค่าเฉลี่ยใกล้เคียงกันที่ประมาณ 56%


เมื่อรายได้สะท้อนความสุข

แล้วอะไรที่ทำให้ทุกข์หรือกังวลใจ

คำตอบ คือ ค่าครองชีพ

ผลสำรวจพบว่า คนรุ่นใหม่กังวลเรื่อง “ค่าครองชีพ”มากที่สุด

ตามมาด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ 

สิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และการดูแลสุขภาพ


ความมั่นคงทางการเงินของคนไทยนั้นถึงขั้นน่าห่วง

ตอนนี้คนไทยส่วนใหญ่ 

กำลังใช้ชีวิตแบบเดือนชนเดือน 

โดยประมาณ 63% ของคนไทยระบุว่า ตนเองกำลังใช้ชีวิตแบบ “เดือนชนเดือน” (ไม่เหลือให้ออม) 

ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกซึ่งอยู่ที่ 52% 

ขณะเดียวที่คนอีกประมาณ 25% ถึงขั้นระบุว่า 

ตนเองยังต้องดิ้นรนหาเงินมาจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมดในแต่ละเดือน 

สะท้อนถึงแรงกดดันทางการเงินที่ยังมีอยู่


ดังนั้นจึงไม่แปลกที่คำตอบเรื่องความพร้อมสู่การเกษียณจึงออกมาสอดคล้องกัน

เพราะประมาณ 27% ของคนไทยเห็นว่า อาจจะไม่สามารถเกษียณได้อย่างมั่นคงทางการเงิน 

คนไทยรุ่นใหม่ยังคงให้ความสำคัญกับประเด็นทางการเงินในระยะสั้น 

มากกว่าการวางแผนระยะยาวเพื่ออนาคต เช่น การออมเพื่อเกษียณอายุ


ขณะที่ปัจจัยที่มีผลต่อความรู้สึกถึงเอกลักษณ์ของตนเองในหมู่คนรุ่นใหม่ (Gen Z และ Gen Y) ของไทย พบว่า 

ประมาณ 54%  ให้ความสำคัญกับเพื่อนและครอบครัว 

ตามด้วยงานหลัก 46%  และกิจกรรมทางวัฒนธรรม 32%  

ขณะที่ 29% เห็นด้วยกับอาชีพเสริม

และประมาณ 30%  เห็นด้วยกับการออกกำลังกาย

 

และที่สำคัญ คือ คนไทยรุ่นใหม่ส่วนใหญ่พร้อมที่จะปฎิเสธหรือไม่ทำงานกับนายจ้างหรือองค์กรใดๆ

ที่ดำเนินธุรกิจไม่สอดคล้องกับค่านิยมส่วนตัว  และยังพร้อมที่จะลาออก 

หากงานนั้นไม่สอดคล้องกับความเชื่อหรือหลักที่ยึดถือเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต 

ประเด็นนี้สะท้อนให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับ “คุณค่าร่วม”มากขึ้น

หมายถึงตัวตนของเรา และองค์กร ต้องสอดคล้องกัน ไม่เห็นต่าง 

 

ดังนั้นสำหรับภาคธุรกิจที่ฟังอยู่ จงรู้ไว้ว่า ภาพลักษณ์ขององค์กรนั้นสำคัญอย่างยิ่ง

เพราะค่านิยมและความเชื่อมีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจของคนรุ่นใหม่ 

ทั้งการเลือกสมัครเข้าทำงานและการฝังตัวอยู่กับองค์กรในระยะยาว 

โดยคนรุ่นใหม่เกือบทั้งหมดเห็นว่า Sense of Purpose 

(ความรู้สึกว่าการทำงานของตนเองมีคุณค่าและเป้าหมายที่ชัดเจน) 

เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความพึงพอใจในการทำงานและคุณภาพชีวิตโดยรวม



"ใช้ชีวิต" ด้วยความเครียด กังวลไปทุกเรื่อง 


นี่คือ สิ่งที่ทุกคนคนยุคนี้กำลังรู้สึก กำลังเป็นในทุกวัน 

แถมสาเหตุที่ทำให้เครียดมากที่สุด ก็คือ เรื่องงาน  

และเจนซีก็ดูเหมือนจะเป็นกลุ่มที่เครียดหนักสุด


คนไทยรุ่นใหม่กว่า 1 ใน 3 บอกเลยว่า ตนเองรู้สึกเครียดหรือกังวลแทบจะตลอดเวลา 

และพบว่า Gen Z มีความเครียดจากแทบทุกปัจจัยมากกว่า Gen Y 

ไม่ว่าจะเป็น เรื่องอนาคตทางการเงินในระยะยาว เรื่องสุขภาพส่วนตัว 

เรื่องภาระในบ้านหรือการดูแลครอบครัว และเรื่องปัญหาการเงินในชีวิตประจำวัน 

ยกเว้นเพียงแค่เรื่องสุขภาพหรือความเป็นอยู่ของสมาชิกในครอบครัวเท่านั้น

 ที่กลุ่มของ Gen Y ที่อายุมากกว่าจะมีระดับความกังวลสูงกว่าเล็กน้อย


นอกจากนี้ มากกว่า 1 ใน 3 ของคนไทยรุ่นใหม่ยังอีกระบุอีกด้วยว่า 

งานกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่สร้างความเครียดให้กับชีวิต 

โดยสาเหตุหลักมาจาก ชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน ไม่มีเวลาเพียงพอ

ในการทำงานให้เสร็จสมบูรณ์ และการไม่รู้สึกถึงความหมายหรือเป้าหมายในสิ่งที่ทำด้วย


ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนว่า Gen Z หรือเด็กรุ่นใหม่ๆตอนนี้มีระดับความเครียดในทุกมิติ

เหนือกว่า Gen Y อย่างชัดเจน หรืออาจจะกล่าวได้ว่า Gen Y 

สามารถรับมือกับแรงกดดันในที่ทำงานได้มากกว่าด้วย 

ซึ่งอาจจะเพราะอายุและประสบการณ์ชีวิตนั่นเอง


ขณะเดียวกัน ยังพบว่า หลายองค์กรทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทาย

ด้านประสิทธิภาพการบริหารจัดการ แม้พนักงานจะทำงานเป็นเวลานาน 

แต่กลับไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ 

ซึ่งเป็นความท้าทายที่หลายองค์กรต้องเร่งออกแบบแนวทางรับมืออย่างเป็นระบบ


อย่างไรก็ตามยังมีข้อดีสำหรับประเทศไทยอีกอย่าง

คือ คนไทยรุ่นใหม่ประมาณ 80% เชื่อว่า 

นายจ้างให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตของพนักงานอย่างจริงจัง 

ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอยู่ที่ 61% 

สะท้อนให้เห็นว่าองค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทยมีการปรับตัว 

ด้านสุขภาพจิตมากขึ้น และที่สำคัญ คือ พนักงานสามารถรับรู้ได้ถึงความตั้งใจดังกล่าว


 

ยุคแห่ง "เอไอ" ในการทำงาน จริงหรือไม่ ?

 

เอไอเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการทำงานยุคนี้ไปแล้ว

 คนรุ่นใหม่ใช้ Generative  AI อย่างแพร่หลาย เพื่อลดภาระงานและเพิ่มคุณภาพชีวิต 

ผลสำรวจครั้งนี้ พบว่าคนส่วนใหญ่คือมากถึง 85% ของทั้ง Gen Z และ Gen Y ในประเทศไทย 

ระบุว่าเคยใช้ AI ช่วยในการทำงาน 

โดย Gen Z จะนิยมใช้ในกิจกรรมประจำวัน 

ส่วน Gen Y มีแนวโน้มในการใช้งานที่หลากหลายกว่า


แต่การใช้งาน 3 อันดับแรกที่ทั้ง 2 เจนเนอเรชั่นนิยมมากที่สุด 

ได้แก่ การวิเคราะห์ข้อมูล การออกแบบเชิงสร้างสรรค์ และการสร้างเนื้อหา


ทั้งนี้ Gen Y ยังมีการใช้งานบางด้านที่สูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญด้วย 

โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาซอฟต์แวร์ และการสร้างเนื้อหา

ซึ่งจากที่พูดมา สะท้อนว่าการใช้เทคโนโลยีเอไอกลายเป็นเรื่องปกติในที่ทำงานไปแล้ว

แต่ในขณะเดียวกันหากเรามองในอีกมุมหนึ่ง 

ก็มีคำถามสำคัญว่า แล้วองค์กรและบุคลากรต่างๆนั้น

มีความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงนี้มากน้อยเพียงใด


ในภาพรวมนั้น องค์กรต่าง ๆ ยังเผชิญกับความท้าทายในการบริหารจัดการการใช้งานเทคโนโลยีใหม่นี้ 

ว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด 

โดยไม่รู้สึกว่างานของตนถูกลดทอนคุณค่า


ทั้งนี้เมื่อเจาะไปที่ทักษะสำคัญ ที่คนมองว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสในสายอาชีพได้

 Gen Z ในประเทศไทยให้ความสำคัญกับ 3 ทักษะหลัก

 ได้แก่ ทักษะด้านดิจิทัล (เช่น โซเชียลมีเดียและการตลาดดิจิทัล) 

ทักษะการจัดการเวลา และทักษะด้านการจัดการความยั่งยืน


ขณะที่คน Gen Y ในไทยให้ความสำคัญกับความรู้เฉพาะทางมากกว่า

 และเมื่อเปรียบเทียบกับผลสำรวจระดับโลก พบว่า ทั้ง Gen Z และ Gen Y 

ต่างเห็นตรงกันว่า ทักษะการจัดการเวลาและความรู้เฉพาะทางตามอุตสาหกรรม 

เป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตในสายอาชีพ 

และนี่้คือการสะท้อนให้เห็นว่า แรงงานไทย 

ยังให้ความสำคัญกับทักษะดิจิทัลในภาพรวม มากกว่าการลงลึกในอุตสาหกรรมเฉพาะทาง


งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข  ประโยคนี้คงตรงกับใจตรงกับชีวิตใครหลายคนในยุคนี้

ไม่ใช่วัตถุนิยม ที่หลงใหลในเงินทอง แต่เป็นความจำเป็นของชีวิต ที่ต้องดิ้นรนหาเงินมากกว่า

ขณะที่การทำงานในยุคใหม่เองก็มีความท้าทายหลายทั้ง ทั้งในมุมของลูกจ้างและนายจ้าง 

อยากที่ได้เล่าให้ฟังกันไป เพราะสุดท้ายแม้เงินจะสำคัญแค่ไหน ถ้างานที่ทำมันไม่ใช่

คนรุ่นใหม่ก็พร้อมโบกมือลาอยู่ดี

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง