มีเงิน = ความสุข ? ส่องผลสำรวจคนรุ่นใหม่ เครียดค่าครองชีพ

“รายได้ ความหมายของงาน และความเป็นอยู่ที่ดี”
มีคนเคยบอกว่า เงินซื้อความสุขไม่ได้ แต่ผลสำรวจล่าสุดที่เจอมา
กลับบอกว่ารายได้ คือ ความสุข โดยเฉพาะคนในยุคนี้
และที่น่าตกใจ คือ "คนไทย" ส่วนใหญ่ตอนนี้
กำลังใช้เงินแบบเดือนชนเดือน ไม่เหลือเก็บ ไม่เหลือออมแล้วด้วย
เพราะรายได้ หรือ การมีเงิน สัมพันธ์กับความสุข นี่คือที่ผู้คนรู้สึกจริงๆ ณ วันนี้
ข้อมูลจาก ดีลอยท์ ประเทศไทย เผยผลสำรวจ Deloitte Global 2025 Gen Z and Millennial Survey
ซึ่งเป็นการสำรวจพฤติกรรมวัยทำงาน Gen Z และ Gen Y ของประเทศไทย ประจำปี 2568
ปรากฎว่า การสำรวจครั้งนี้ พบว่าคนรุ่นใหม่ชาวไทยทั้ง Gen Z และ Gen Y
ให้ความสำคัญสูงสุดกับ 3 คุณค่าหลัก
ได้แก่ “รายได้ ความหมายของงาน และความเป็นอยู่ที่ดี”
และอย่างที่บอกไป เงิน สำคัญอย่างยิ่งกับความสุข
เพราะในผลสำรวจครั้งนี้พบว่า
คนส่วนใหญ่ระบุว่า รายได้มีความเชื่อมโยงกับระดับความสุขของทุกคนมากที่สุด
มีค่าเฉลี่ยสูงถึง 64%
ตามมาด้วย ความเป็นอยู่ที่ดีและความหมายของงาน มีค่าเฉลี่ยใกล้เคียงกันที่ประมาณ 56%
เมื่อรายได้สะท้อนความสุข
แล้วอะไรที่ทำให้ทุกข์หรือกังวลใจ
คำตอบ คือ ค่าครองชีพ
ผลสำรวจพบว่า คนรุ่นใหม่กังวลเรื่อง “ค่าครองชีพ”มากที่สุด
ตามมาด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความปลอดภัยทางไซเบอร์
สิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และการดูแลสุขภาพ
ความมั่นคงทางการเงินของคนไทยนั้นถึงขั้นน่าห่วง
ตอนนี้คนไทยส่วนใหญ่
กำลังใช้ชีวิตแบบเดือนชนเดือน
โดยประมาณ 63% ของคนไทยระบุว่า ตนเองกำลังใช้ชีวิตแบบ “เดือนชนเดือน” (ไม่เหลือให้ออม)
ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกซึ่งอยู่ที่ 52%
ขณะเดียวที่คนอีกประมาณ 25% ถึงขั้นระบุว่า
ตนเองยังต้องดิ้นรนหาเงินมาจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมดในแต่ละเดือน
สะท้อนถึงแรงกดดันทางการเงินที่ยังมีอยู่
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่คำตอบเรื่องความพร้อมสู่การเกษียณจึงออกมาสอดคล้องกัน
เพราะประมาณ 27% ของคนไทยเห็นว่า อาจจะไม่สามารถเกษียณได้อย่างมั่นคงทางการเงิน
คนไทยรุ่นใหม่ยังคงให้ความสำคัญกับประเด็นทางการเงินในระยะสั้น
มากกว่าการวางแผนระยะยาวเพื่ออนาคต เช่น การออมเพื่อเกษียณอายุ
ขณะที่ปัจจัยที่มีผลต่อความรู้สึกถึงเอกลักษณ์ของตนเองในหมู่คนรุ่นใหม่ (Gen Z และ Gen Y) ของไทย พบว่า
ประมาณ 54% ให้ความสำคัญกับเพื่อนและครอบครัว
ตามด้วยงานหลัก 46% และกิจกรรมทางวัฒนธรรม 32%
ขณะที่ 29% เห็นด้วยกับอาชีพเสริม
และประมาณ 30% เห็นด้วยกับการออกกำลังกาย
และที่สำคัญ คือ คนไทยรุ่นใหม่ส่วนใหญ่พร้อมที่จะปฎิเสธหรือไม่ทำงานกับนายจ้างหรือองค์กรใดๆ
ที่ดำเนินธุรกิจไม่สอดคล้องกับค่านิยมส่วนตัว และยังพร้อมที่จะลาออก
หากงานนั้นไม่สอดคล้องกับความเชื่อหรือหลักที่ยึดถือเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต
ประเด็นนี้สะท้อนให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับ “คุณค่าร่วม”มากขึ้น
หมายถึงตัวตนของเรา และองค์กร ต้องสอดคล้องกัน ไม่เห็นต่าง
ดังนั้นสำหรับภาคธุรกิจที่ฟังอยู่ จงรู้ไว้ว่า ภาพลักษณ์ขององค์กรนั้นสำคัญอย่างยิ่ง
เพราะค่านิยมและความเชื่อมีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจของคนรุ่นใหม่
ทั้งการเลือกสมัครเข้าทำงานและการฝังตัวอยู่กับองค์กรในระยะยาว
โดยคนรุ่นใหม่เกือบทั้งหมดเห็นว่า Sense of Purpose
(ความรู้สึกว่าการทำงานของตนเองมีคุณค่าและเป้าหมายที่ชัดเจน)
เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความพึงพอใจในการทำงานและคุณภาพชีวิตโดยรวม
"ใช้ชีวิต" ด้วยความเครียด กังวลไปทุกเรื่อง
นี่คือ สิ่งที่ทุกคนคนยุคนี้กำลังรู้สึก กำลังเป็นในทุกวัน
แถมสาเหตุที่ทำให้เครียดมากที่สุด ก็คือ เรื่องงาน
และเจนซีก็ดูเหมือนจะเป็นกลุ่มที่เครียดหนักสุด
คนไทยรุ่นใหม่กว่า 1 ใน 3 บอกเลยว่า ตนเองรู้สึกเครียดหรือกังวลแทบจะตลอดเวลา
และพบว่า Gen Z มีความเครียดจากแทบทุกปัจจัยมากกว่า Gen Y
ไม่ว่าจะเป็น เรื่องอนาคตทางการเงินในระยะยาว เรื่องสุขภาพส่วนตัว
เรื่องภาระในบ้านหรือการดูแลครอบครัว และเรื่องปัญหาการเงินในชีวิตประจำวัน
ยกเว้นเพียงแค่เรื่องสุขภาพหรือความเป็นอยู่ของสมาชิกในครอบครัวเท่านั้น
ที่กลุ่มของ Gen Y ที่อายุมากกว่าจะมีระดับความกังวลสูงกว่าเล็กน้อย
นอกจากนี้ มากกว่า 1 ใน 3 ของคนไทยรุ่นใหม่ยังอีกระบุอีกด้วยว่า
งานกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่สร้างความเครียดให้กับชีวิต
โดยสาเหตุหลักมาจาก ชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน ไม่มีเวลาเพียงพอ
ในการทำงานให้เสร็จสมบูรณ์ และการไม่รู้สึกถึงความหมายหรือเป้าหมายในสิ่งที่ทำด้วย
ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนว่า Gen Z หรือเด็กรุ่นใหม่ๆตอนนี้มีระดับความเครียดในทุกมิติ
เหนือกว่า Gen Y อย่างชัดเจน หรืออาจจะกล่าวได้ว่า Gen Y
สามารถรับมือกับแรงกดดันในที่ทำงานได้มากกว่าด้วย
ซึ่งอาจจะเพราะอายุและประสบการณ์ชีวิตนั่นเอง
ขณะเดียวกัน ยังพบว่า หลายองค์กรทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทาย
ด้านประสิทธิภาพการบริหารจัดการ แม้พนักงานจะทำงานเป็นเวลานาน
แต่กลับไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้
ซึ่งเป็นความท้าทายที่หลายองค์กรต้องเร่งออกแบบแนวทางรับมืออย่างเป็นระบบ
อย่างไรก็ตามยังมีข้อดีสำหรับประเทศไทยอีกอย่าง
คือ คนไทยรุ่นใหม่ประมาณ 80% เชื่อว่า
นายจ้างให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตของพนักงานอย่างจริงจัง
ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอยู่ที่ 61%
สะท้อนให้เห็นว่าองค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทยมีการปรับตัว
ด้านสุขภาพจิตมากขึ้น และที่สำคัญ คือ พนักงานสามารถรับรู้ได้ถึงความตั้งใจดังกล่าว
ยุคแห่ง "เอไอ" ในการทำงาน จริงหรือไม่ ?
เอไอเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการทำงานยุคนี้ไปแล้ว
คนรุ่นใหม่ใช้ Generative AI อย่างแพร่หลาย เพื่อลดภาระงานและเพิ่มคุณภาพชีวิต
ผลสำรวจครั้งนี้ พบว่าคนส่วนใหญ่คือมากถึง 85% ของทั้ง Gen Z และ Gen Y ในประเทศไทย
ระบุว่าเคยใช้ AI ช่วยในการทำงาน
โดย Gen Z จะนิยมใช้ในกิจกรรมประจำวัน
ส่วน Gen Y มีแนวโน้มในการใช้งานที่หลากหลายกว่า
แต่การใช้งาน 3 อันดับแรกที่ทั้ง 2 เจนเนอเรชั่นนิยมมากที่สุด
ได้แก่ การวิเคราะห์ข้อมูล การออกแบบเชิงสร้างสรรค์ และการสร้างเนื้อหา
ทั้งนี้ Gen Y ยังมีการใช้งานบางด้านที่สูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญด้วย
โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาซอฟต์แวร์ และการสร้างเนื้อหา
ซึ่งจากที่พูดมา สะท้อนว่าการใช้เทคโนโลยีเอไอกลายเป็นเรื่องปกติในที่ทำงานไปแล้ว
แต่ในขณะเดียวกันหากเรามองในอีกมุมหนึ่ง
ก็มีคำถามสำคัญว่า แล้วองค์กรและบุคลากรต่างๆนั้น
มีความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงนี้มากน้อยเพียงใด
ในภาพรวมนั้น องค์กรต่าง ๆ ยังเผชิญกับความท้าทายในการบริหารจัดการการใช้งานเทคโนโลยีใหม่นี้
ว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
โดยไม่รู้สึกว่างานของตนถูกลดทอนคุณค่า
ทั้งนี้เมื่อเจาะไปที่ทักษะสำคัญ ที่คนมองว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสในสายอาชีพได้
Gen Z ในประเทศไทยให้ความสำคัญกับ 3 ทักษะหลัก
ได้แก่ ทักษะด้านดิจิทัล (เช่น โซเชียลมีเดียและการตลาดดิจิทัล)
ทักษะการจัดการเวลา และทักษะด้านการจัดการความยั่งยืน
ขณะที่คน Gen Y ในไทยให้ความสำคัญกับความรู้เฉพาะทางมากกว่า
และเมื่อเปรียบเทียบกับผลสำรวจระดับโลก พบว่า ทั้ง Gen Z และ Gen Y
ต่างเห็นตรงกันว่า ทักษะการจัดการเวลาและความรู้เฉพาะทางตามอุตสาหกรรม
เป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตในสายอาชีพ
และนี่้คือการสะท้อนให้เห็นว่า แรงงานไทย
ยังให้ความสำคัญกับทักษะดิจิทัลในภาพรวม มากกว่าการลงลึกในอุตสาหกรรมเฉพาะทาง
งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข ประโยคนี้คงตรงกับใจตรงกับชีวิตใครหลายคนในยุคนี้
ไม่ใช่วัตถุนิยม ที่หลงใหลในเงินทอง แต่เป็นความจำเป็นของชีวิต ที่ต้องดิ้นรนหาเงินมากกว่า
ขณะที่การทำงานในยุคใหม่เองก็มีความท้าทายหลายทั้ง ทั้งในมุมของลูกจ้างและนายจ้าง
อยากที่ได้เล่าให้ฟังกันไป เพราะสุดท้ายแม้เงินจะสำคัญแค่ไหน ถ้างานที่ทำมันไม่ใช่
คนรุ่นใหม่ก็พร้อมโบกมือลาอยู่ดี
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
