รายงานชี้ ยังตามหาพ่อแม่เด็กกว่า 500 ชีวิตที่ต้องพรากกับครอบครัวเพราะรัฐบาลทรัมป์ไม่เจอ
วอชิงตัน, 21 ต.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันอังคาร (20 ต.ค.) เอกสารของสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน (ACLU) เผยว่ากลุ่มทนายความที่ได้รับการแต่งตั้งจากผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางกล่าวว่า พวกเขายังตามหาตัวพ่อแม่ของเด็ก 545 คนไม่พบ โดยเด็กๆ เหล่านี้ได้พลัดพรากกับครอบครัว ตามบริเวณแนวชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก ระหว่างปี 2017-2018
สถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีนิวส์รายงานว่า ในปี 2018 ฝ่ายบริหารของทรัมป์ได้ออกนโยบาย "ความอดทนเป็นศูนย์" (zero tolerance) ที่กำหนดให้มีการแยกเด็กและผู้ปกครองที่เป็นผู้อพยพออกจากกันบริเวณชายแดนทางตอนใต้ของสหรัฐฯ หลังจากที่เริ่มมีการพรากครอบครัวผู้อพยพตามแนวชายแดนบางส่วนภายใต้โครงการนำร่องโครงการหนึ่งในปี 2017
เอ็นบีซีรายงานว่ามีสมาชิกจาก 2,800 ครอบครัว ที่ถูกแยกออกจากกันภายใต้นโยบายความอดทนเป็นศูนย์ในปี 2018 โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ยังถูกควบคุมตัวอยู่ แม้นโยบายดังกล่าวสิ้นสุดลงแล้วด้วยคำสั่งยุติของฝ่ายบริหารสหรัฐฯ ขณะที่ผู้ปกครองมากกว่า 1,000 คนที่โดนพรากลูกไปภายใต้โครงการนำร่องดังกล่าว ได้ถูกเนรเทศออกจากประเทศไปแล้วก่อนที่ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางในรัฐแคลิฟอร์เนียจะมีคำสั่งให้หาตัวพวกเขา"เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องค้นหาข้อเท็จจริงให้ได้มากที่สุดว่าใครเป็นผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบการปฏิบัติที่น่ากลัวนี้ ขณะเดียวกันก็ห้ามมองข้ามความจริงที่ว่ายังมีอีกหลายร้อยครอบครัวที่สูญหายและถูกพลัดพรากจากกัน" ลี แกเลิร์นต์ รองผู้อำนวยการโครงการสิทธิผู้อพยพของสหภาพฯ กล่าว
อนึ่ง สหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน (ACLU) เป็นหนึ่งในองค์กรที่ได้รับการแต่งตั้งจากศาลให้ทำหน้าที่ "คณะกรรมการติดตามและกำกับดูแล" เพื่อการค้นหาและช่วยเหลือครอบครัวที่ถูกพลัดพรากโดยฝ่ายบริหารของทรัมป์ให้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง