รีเซต

คนไทยตื่น(ตัว)ทอง แห่ซื้อพุ่ง ขึ้นแท่นเบอร์ 1 อาเซียน

คนไทยตื่น(ตัว)ทอง แห่ซื้อพุ่ง ขึ้นแท่นเบอร์ 1  อาเซียน
TNN ช่อง16
13 พฤษภาคม 2568 ( 08:00 )
15

"ทองคำ" ขึ้นแรง ก็มีโอกาสจะลงแรง

หลังจากได้เห็นข่าวการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน คืบหน้าไปในทิศทางเชิงบวก

เมื่อทั้งสองชาติมหาอำนาจได้จับมือตกลงประกาศการลดภาษีชั่วคราวระหว่างกัน 90 วัน

โดยสหรัฐปรับลดภาษีนำเข้าให้แก่จีนเหลือ 30 % จากเดิม 145 %

ขณะที่จีนลดภาษีให้กับสินค้าอเมริกันที่อัตรา 10 % จากเดิม 125 %

แม้จะเป็นแค่การ "พักรบ(ภาษี)ชั่วคราว" แต่สินทรัพย์ปลอดภัย อย่าง "ทองคำ" ก็ดิ่งลงทันที

    

ดังนั้นทองคำไทยจะได้ไปพอหรือพอแค่นี้ ยังต้องจับตากันอย่างใกล้ชิด จากหลายปัจจัย

เพราะทองไทยห้าหมื่นบาท เราก็ได้เห็นกันแล้วในยุคนี้ 

และการันตีว่าคนไทยนี่แหละเป็นหนึ่งในชาติที่รักและชอบทองมากๆ

เพราะล่าสุดมีรายงานจากสภาทองคำโลกระบุว่า

ประเทศไทยซื้อทองคำสูงสุดในกลุ่มชาติอาเซียน 


ทองคำทิศทางขาขึ้น จากความเสี่ยงสงครามการค้าโลก 

 

ทองคำช่วงนี้อยู่ในสภาวะที่ร้อนแรง 

ราคาทองคำที่พุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ถึง 20 ครั้งในไตรมาสที่ 1 

เราได้เห็นนิวไฮกันอย่างถี่ๆ ราคาพุ่งไปตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์‎

และทะลุระดับ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ไปแล้วเมื่อเมษายนที่ผ่ามา

จนต้องมีการปรับเป้าในปีนี้กันใหม่จากหลายสถาบัน

 

เช่น Goldman Sachs ที่ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาทองคำสิ้นปี 2025 อีกครั้ง 

ไปสู่ระดับ 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจโลก

และนับเป็นครั้งที่สามแล้ว ที่ Goldman Sachs ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำในปีนี้ 

และเป็นการปรับขึ้นที่แรงที่สุด 12% จากคาดการณ์ก่อนหน้านี้


ครั้งแรกเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ตั้งเป้าหมายสิ้นปีไว้ที่ 3,100 ดอลลาร์ 

ครั้งที่สองคือช่วงปลายเดือนมีนาคม ขึ้นเป็น 3,300 ดอลลาร์ 

ซึ่งทั้งสองครั้ง นักวิเคราะห์ของธนาคารให้เหตุผลจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของธนาคารกลางต่างๆ 

และเม็ดเงินที่ไหลเข้ากองทุน ETF ที่ลงทุนในทองคำ 


 นักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs ระบุว่า แม้ว่านักลงทุนจะลดสถานะ

เก็งกำไรในทองคำลงระหว่างการเทขายทั่วทั้งตลาดเมื่อต้นเดือนนี้ 

แต่ปริมาณการถือครองในกองทุน ETF ทองคำยังคงเพิ่มสูงขึ้น

จากความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย (recession concerns) 

นอกจากนี้ อุปสงค์ทองคำ (physical demand) จากตลาดในฝั่งตะวันออก

ก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเช่นกันในช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงท่ามกลางความผันผวนของตลาด


ตั้งแต่นั้นมา ราคาทองคำแท่ง (bullion) ก็ฟื้นตัวจากการขาดทุนก่อนหน้าทั้งหมด 

ทำให้ในปี 2025 ราคาทองคำปรับขึ้นมาแล้วกว่า 24% 

กลายเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดแห่งปี 


ราคาทองในไทยปรับตัวอย่างร้อนแรงรายวันในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา 

แค่ผ่านมาไม่ถึงห้าเดือน ทองบวกจากปีก่อนไปแล้วประมาณหมื่นบาท 

และแม้ราคาจะสูง แต่พบว่าคนไทยก็ยังรักในทองคำ มีการลงทุนมากขึ้น 

ไทยแห่ซื้อทองลงทุนมากขึ้น สูงที่สุดในอาเซียน


ข้อมูลจากสภาทองคำโลก (World Gold Council: WGC) 

ได้รายงานแนวโน้มความต้องการทองคำประจำไตรมาสที่ 1/2568  พบว่า

ความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำเพื่อการลงทุนของประเทศไทย

เพิ่มขึ้นถึง 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า อยู่ที่จำนวน 7.4 ตัน 

และนับเป็นไตรมาสที่ 1 ที่แข็งแกร่งที่สุดของไทยนับตั้งแต่ปี 2562 (ในรอบ 6 ปี)

ทำให้ตัวเลขความต้องการทองคำภาคผู้บริโภคโดยรวมของไทย 

ทั้งปริมาณการลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญทองคำ 

และความต้องการทองคำเครื่องประดับในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ รวมเป็นจำนวน 9.1 ตัน 

เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา 

และเป็นปริมาณความต้องการทองคำภาคผู้บริโภครายไตรมาส

ที่มีการเติบโตสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน


ส่วนความต้องการทองคำโดยรวมทั่วโลกจากทุกภาคส่วน 

(ซึ่งรวมถึงการซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์ หรือ Over-the-counter: OTC) 

รายไตรมาสนั้นอยู่ที่ 1,206 ตัน เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 


แรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากการฟื้นตัวของกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETF) ทองคำแท่งสำหรับนักลงทุน

ส่งผลให้ระดับความต้องการลงทุนทองคำโดยรวมทั่วโลกเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า

ไปอยู่ที่ระดับ 552 ตัน หรือคิดเป็น 170% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

และเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 1/2565 (ในรอบสามปี) 


กระแสเงินที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF ทั่วโลกนี้ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในไตรมาส 1 ปีนี้ 

และมีปริมาณความต้องการมากถึง 226 ตัน โดยได้รับแรงสนับสนุน

จากทิศทางราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว 

และความไม่แน่นอนด้านนโยบายภาษีนำเข้าที่ผลักดันให้นักลงทุน

หันมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย


ทองคำเพื่อการลงทุนมาแรงในกลุ่มชาติตะวันออก โดยเฉพาะจีน ในขณะที่ฝั่งตะวันตกอ่อนแอลง 

รายงานของสภาทองคำโลกระบุว่า ความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำ

เพื่อการลงทุนทั่วโลกได้เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

และยังคงอยู่ในระดับสูงที่จำนวน 325 ตันสำหรับไตรมาส 1 ปีนี้ 

โดยได้รับแรงหนุนจากนักลงทุนค้าปลีกรายย่อยในประเทศจีนที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

และนับเป็นไตรมาสที่สูงที่สุดในประวัติการณ์เป็นอันดับสอง 

ที่สำคัญไม่ใช่แค่เราๆประชาชนหรือนักลงทุนที่แห่ซื้อทอง

ธนาคารกลางต่างๆทั่วโลกก็พากันซื้ออย่างต่อเนื่อง

แต่สวนทางกับการซื้อทองคำเพื่อใช้เป็นเครื่องประดับ

ที่หดตัวลงอย่างหนักเพราะราคาที่แพงขึ้น 


ธนาคารกลางยังคงเป็นผู้ซื้อทองคำสุทธิติดต่อกันเข้าสู่ปีที่ 16 

และได้เพิ่มปริมาณทุนสำรองทั่วโลกถึง 244 ตันในไตรมาสที่ 1 

แม้ความต้องการของธนาคารกลางจะลดลง 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 

แต่นับว่ายังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งและมีปริมาณสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยรายไตรมาสของสามปีที่ผ่านมา 

ซึ่งถือว่าเป็นการซื้อทองคำในระดับที่สูงมาอย่างต่อเนื่อง


ทองคำเพื่อการลงทุนได้รับความสนใจมากขึ้น

สวนทางกับทองคำในฐานะเครื่องประดับ 

ปริมาณความต้องการทองคำเครื่องประดับทั่วโลกได้ลดลงสู่ระดับต่ำที่สุด

นับตั้งแต่ช่วงที่ได้รับผลกระทบจากโควิดในปี 2563 


ความเห็นจาก เซาไก ฟาน (Shaokai Fan) หัวหน้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมประเทศจีน)

และหัวหน้าฝ่ายธนาคารกลางระดับโลก ของสภาทองคำโลก กล่าวว่า

ประเทศไทยมีการลงทุนทองคำมากขึ้น เพราะมีการคาดการณ์ทิศทางราคาทองคำในเชิงบวก

ทำให้ความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำของไทยเพิ่มขึ้นถึง 25% 

เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า 

ราคาทองคำที่สูงขึ้นได้กระตุ้นให้เกิดแรงขายทำกำไร 

ส่วนความต้องการทองคำเครื่องประดับในไตรมาสแรกของไทยนั้นสอดคล้องกับแนวโน้มทั่วโลกที่ปรับตัวลดลง 

เนื่องจากราคาทองคำที่สูงเป็นประวัติการณ์ 


ความเห็นจากหลุยส์ สตรีท (Louise Street) นักวิเคราะห์การตลาดอาวุโสของสภาทองคำโลก

กล่าวว่า ต้นปีนี้ที่ผ่านมาถือเป็นช่วงที่มีความท้าทายสำหรับตลาดโลก 

เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการค้า การประกาศนโยบายของสหรัฐฯ ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ 

ประกอบกับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง

และความกังวลเรื่องสภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ได้หวนกลับมาอีกครั้ง 

ได้สร้างสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนสำหรับนักลงทุน 

ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ความต้องการลงทุนในทองคำสำหรับไตรมาส 1/2568 

พุ่งสู่ระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2559 (ในรอบ 9 ปี)


สำหรับอนาคตข้างหน้า สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมก็ยังคงคาดการณ์ได้ยาก 

ซึ่งความไม่แน่นอนดังกล่าวอาจเป็นปัจจัยทำให้ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น 

สภาวะความผันผวนที่ยังคงอยู่ต่อไปนี้อาจทำให้ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

จากทั้งภาคสถาบัน นักลงทุนรายย่อย และภาครัฐ เพิ่มสูงขึ้นในช่วงหลายเดือนต่อจากนี้

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง