CENTEL ราคาดิ่งแรง กรุงศรีพัฒนสิน ชี้กำไร Q2/66 ต่ำกว่าคาด หั่นกำไรลง
หุ้นบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ราคาปรับลง 10.82% "กรุงศรี พัฒนสิน"มองกำไรไตรมาส 2/66 ออกมาต่ำกว่าคาด พร้อมหั่นกำไรปีนี้ลง และปรับลดคำแนะนำเป็น ถือ โดยไตรมาส 2/66 โรงแรมไทยในต่างจังหวัดและมัลดีฟส์ เป็นโลว์ซีซั่น รวมถึงต้นทุนสัญญาเช่าเพิ่มขึ้น
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น CENTEL อยู่ที่ 43.25 บาท ลบ 5.25 บาท หรือ 10.82% มีมูลค่าการซื้อขาย 429.91 ล้านบาท
CENTEL แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ไตรมาส 2/66 มีกำไร 120.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 22.06 ล้านบาท และได้คาดการณ์ธุรกิจในปีนี้ ในส่วนของธุรกิจโรงแรม คาดการณือัตราการเข้าพักเฉลี่ย(รวมโรงแรมร่วมทุน) ที่ 68-72% และรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ย (RevPAR)อยู่ที่ 3,400– 3,700 ตัวเลขประมาณการได้สะท้อนถึงผลการดำเนินงานครึ่งปี แรกที่ดีกว่าคาด โดยการเติบโตของ RevPAR มาจากอตัราการเข้าพักที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรงแรมในประเทศไทยและการเพิ่มขึ้นของราคาห้องพักจากโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ โอซาก้า ซึ่งมีราคาห้องพักเฉลี่ยสูงกว่าโรงแรมในประเทศ
ส่วนธุรกิจอาหาร ในปี 2566 บริษัทฯ ประมาณการอัตราการเติบโตจากสาขาเดิม (Same-Store-Sales: SSS) (ไม่รวมกิจการร่วมค้า) 5% - 7% เทียบปีก่อน และอัตราการเติบโตของยอดขายรวมทุกสาขา (Total-System-Sales: TSS) จะอยู่ในช่วง 10% - 12% เทียบปี ที่ผ่านมา สำหรับการเติบโตของจำนวนสาขา บริษัท คาดว่าจะมีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นสุทธิรวมแบรนด์ร่วมทุน ประมาณ 110-130 สาขา (รวมสาขา shop-in-shop อาริกาโตะในมิสเตอร์โดนัท) เทียบกับปี 2565 ซึ่งเน้นการขยายสาขาในช่วงครึ่ ปี หลังโดยแบรนด์ที่เน้นการขยายสาขาเพิ่มได้แก่ เค เอซี อานตี้ แอนด์ , สลัดแฟคทอรี, ส้มตำนัว และชินคันเซ็น ซูซิ
ด้านบล.กรุงศรี พัฒนสิน มองเชิงลบต่อกำไรปกติงวดไตรมาส 2/66 ของ CENTEL ที่ 83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 447% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ลดลง 81% จากไตรมาสก่อน ซึ่งกำไรต่ำกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาด และตลาดคาด จากสัญญาเช่าของโรงแรมในหัวหินและค่าใช้จ่ายโรงแรมในญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้กำไรไตรมาสนี้คงฟื้นตัวมาก เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หนุนหลักจากธุรกิจโรงแรมที่ฟื้นตัวหลังโควิด-19 คลี่คลาย ขณะที่กำไรลดลงจากไตรมาส เพราะโรงแรมไทยในต่างจังหวัดและมัลดีฟส์ เป็นโลว์ซีซั่น รวมถึงต้นทุนสัญญาเช่าเพิ่มขึ้น
สำหรับแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 3/66 คาดว่าคงอยู่ในระดับต่ำใกล้เคียงไตรมาส 2/66 หรือสูงกว่าเล็กน้อย ฝ่ายวิจัยจึงปรับประมาณการกำไรปกติปีนี้ลงอีกราว 15% มาอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 315% จากปีก่อน เพื่อสะท้อนต้นทุนสัญญาเช่าที่สูงกว่าคาดเดิม ฝ่ายวิจัยจึงปรับไปใช้ราคาเป้าหมายของปีหน้าที่ 51.00 บาท พร้อมปรับคำแนะนำลงเป็น Neutral คาดราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวลงหลังกำไรงวดไตรมาส 2/66 ออกมาต่ำกว่าฝ่ายวิจัยและตลาดคาด ขณะที่ในระยะสั้นมีปัจจัยบวกจำกัด เพราะแนวโน้มโดยรวมยังไม่เด่น