คลังเร่งอัดมาตรการกระตุ้นศก.โค้งสุดท้าย

นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานเสวนาเดลินิวส์ ทอร์ก 2025 ในหัวข้อ “ปีนี้รอดมาได้อย่างไร ปีหน้าเติบโตอย่างไรให้มั่นคง” เมื่อวันที่ 30 ต.ค.2568 ว่า เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงสูงที่จะติดหล่มในไตรมาสที่ 4 หากรัฐบาลไม่เร่งดำเนินการแก้ไข โดยคาดการณ์ว่า ตัวเลข GDP ไตรมาส 3 อาจลดลงเหลือ ร้อยละ 1.7 จากร้อยละ 3 ในครึ่งปีแรก และไตรมาส 4 อาจต่ำถึงร้อยละ 0.3
ดังนั้น รัฐบาลจึงเร่งใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 3 เดือนที่เหลือ โดยยึดหลักการ “กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว และกระจายตัว” เพื่อแก้โจทย์สำคัญคือการกระตุ้นเศรษฐกิจพร้อมกับการซ่อมแซมสถานะทางการคลัง โดยดำเนินการภายใต้ 5 เสาหลัก และ 1 ฐานราก
โดยมาตรการที่ได้ดำเนินการแล้วคือ “คนละครึ่งพลัส” และ “เที่ยวดีมีคืน” ซึ่งสามารถลดหย่อนภาษีได้ตามการใช้จ่ายจริงไม่เกิน 20,000 บาท สำหรับการท่องเที่ยวและรับประทานอาหารในเมืองหลักและเมืองรอง โดย 10,000 บาทแรก สามารถใช้ใบกำกับภาษีแบบกระดาษได้ แต่ส่วนที่เกินต้องใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax)
สำหรับทั้งสองมาตรการต้องการกระตุ้นระยะสั้น แต่หวังผลระยะยาว คือการดึงคนเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังจะนำมาตรการแก้หนี้ประชาชนที่มีหนี้ต่ำกว่า 1 แสนบาท เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) โดยจะใช้บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) เข้ามาดูแล เพื่อปลดล็อกกำลังซื้อและการบริโภคในประเทศ ควบคู่กับการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงเกือบร้อยละ 90
และในอีก 2 สัปดาห์ จะเสนอแพ็คเกจมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอี ได้แก่ 1.มาตรการพี่ดูแลน้องสร้างแรงจูงใจให้บริษัทขนาดใหญ่ช่วยเอสเอ็มอีขนาดเล็ก และเร่งรัดการจ่ายเงินให้เร็วขึ้น
และ 2.สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) และการค้ำประกันสินเชื่อผ่านบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่อง
นายเบญจรงค์ ย้ำว่า รัฐบาลยังเน้นการสร้างวินัยการเงินการออม โดยมีแนวคิดให้ประชาชนที่ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลและไม่ถูกรางวัล สามารถนำไปเป็นเงินออมได้
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
