เปิดตัว eVTOL น้ำหนักเบาในสหรัฐอเมริกา มิถุนายนนี้เห็นบินบนท้องฟ้าแน่ !
อากาศยานขึ้นลงแนวดิ่งพลังงานไฟฟ้า (Electric Vertical Take-Off and Landing: eVTOL) เป็นยานพาหนะที่น่าจับตามองมาตั้งแต่ปี 2023 ที่ผ่านมา และในปีนี้มี eVTOL หลากหลายรุ่น เปิดตัวภายในงาน CES 2024 ที่ผ่านมา เพื่อแสดงความพร้อมในการผลิตและจำหน่ายจริง รวมถึง เฮลิกซ์ (Helix) อากาศยานแบบ eVTOL น้ำหนักเบาที่เปิดราคาขาย 6 หลัก (ดอลลาร์สหรัฐ) และพร้อมส่งมอบให้ลูกค้ากลุ่มแรกใน 10 มิถุนายนนี้
ข้อมูล Helix อากาศยาน eVTOL น้ำหนักเบาจากสหรัฐฯ
เฮลิกซ์ (Helix) เป็น eVTOL ที่พัฒนาโดยบริษัท ไพวอทัล (Pivotal) สตาร์ตอัปด้านอากาศยานสัญชาติอเมริกัน มีจุดเด่นคือน้ำหนักตัวเครื่องเปล่าที่เบาเพียงประมาณ 160 กิโลกรัม ต่างจาก eVTOL ปกติที่มีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 500 กิโลกรัม เช่น โวโลซิตี้ (Volocity) ที่มีน้ำหนักเครื่องเปล่าที่ 700 กิโลกรัม Helix สามารถนั่งได้สูงสุดเพียง 1 คน รวมตำแหน่งนักบิน ใช้แบตเตอรี่ขนาด 8 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) รองรับการบินได้ไกลสูงสุดประมาณ 32 กิโลเมตรต่อรอบการชาร์จ โดยใช้เวลาชาร์จจากร้อยละ 20 จนเต็มความจุอยู่ที่ 75 นาที เมื่อชาร์จด้วยกำลังไฟ 240 โวลต์ (V) 50 แอมป์ (A)
Helix ใช้เวลา 30 นาที จากโรงเก็บเพื่อขึ้นบิน ภายในเน้นความสะดวกสบายและให้ประสบการณ์ที่อลังการ ห้องคนขับติดตั้งหน้าจอแสดงผลแบบดิจิทัล ช่องชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คันบังคับแบบจอยสติ๊ก (Joystick) กันสาด และกล้องสำหรับมองเวลาลงจอด เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำการบิน
ตัวเครื่องยังรองรับการเชื่อมต่อแอปพลิเคชันที่สามารถช่วยเตือนความจำสิ่งของที่จำเป็นก่อนขึ้นบิน ตรวจสอบสถานะและข้อมูลเครื่องบิน รวมถึงมีระบบสำหรับวางแผนการบินและการนำทางระหว่างบินที่ใช้งานง่าย และยังสามารถใช้แอปพลิเคชันเพื่อติดต่อขอรับการสนับสนุนจาก Pivotal ได้อีกด้วย
ตลาดและราคาขายของ Helix
ทั้งนี้ น้ำหนักของ Helix ที่เบากว่าอากาศยานปกติยังทำให้เข้าข่ายกฎการบินหมวด 103 (Part 103) ขององค์การบริหารการบินแห่งชาติ หรือ เอฟเอเอ ( Federal Aviation Administration: FAA) ซึ่งทำให้ผู้ที่ซื้อ Helix ไปไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตนักบินเพื่อทำการขึ้นบิน ซึ่งเพิ่มตลาดผู้ใช้งานในสหรัฐอเมริกาได้อย่างมีนัยยะสำคัญ
โดยในงาน CES 2024 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 - 12 มกราคมที่ผ่านมา ทางบริษัทได้เสนอรูปแบบการขายเป็นการขายตัวเครื่องควบการประกัน (Package) ที่เสริมด้วยโปรแกรมการสอนบินเบื้องต้นในราคา 190,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 6.6 ล้านบาท
และถ้าต้องการเพิ่มช่องชาร์จเป็น 2 ช่อง อัปเกรดกล้องช่วยลงจอดเป็นความละเอียด 4K พร้อมระบบช่วยลงจอด พร้อมระบบบันทึกภาพระหว่างลงจอด พร้อมขยายระยะเวลารับประกัน ผู้ซื้อจะต้องเพิ่มเงินเป็น 240,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 8.4 ล้านบาท
และยังมีอีกข้อเสนอเป็นการเพิ่มระบบระบุตำแหน่งฉุกเฉิน ช่องชาร์จช่องที่ 3 รวมถึงห้องโดยสารที่หรูหรามากขึ้นซึ่งสามารถปรับแต่งสีภายในได้ในราคา 260,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 9 ล้านบาท โดยทางบริษัทเปิดให้จองแล้วในตอนนี้สำหรับลูกค้าในสหรัฐอเมริกา และประกาศว่าจะส่งมอบให้กับลูกค้ากลุ่มแรกที่จองได้ภายในวันที่ 10 มิถุนายนนี้
ที่มาข้อมูล Interesting Engineering
ที่มารูปภาพ Pivotal