ส.ส.รุมสับงบพลังงาน ละเลยโครงการเพื่อประชาชน หวั่นเสียค่าโง่อีก
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 ส.ค.2564 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 เป็นวันที่ 3 โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ซึ่งพิจารณามาตรา 18 งบประมาณกระทรวงพลังงาน วงเงิน 1,873,129,300 บาท
นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ส.ส.บัญชีราชชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า วันนี้เทคโนโลยีมาถึงจุดที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งปัจจุบันต้นทุนต่ำกว่าพลังงานประเภทอื่นๆ อีกทั้งประเทศไทยมีแสงอาทิตย์เหลือเฟือตลอดทั้งปี แต่เราปล่อยปละละเลย ทั้งที่กระทรวงพลังงานควรเป็นกระทรวงต้นแบบ แต่กลับไปใช้พลังงานที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะกรมพลังงานทดแทน และกรมอนุรักษ์พลังงาน ที่ใช้เงินมากที่สุด แต่ยังขอจัดซื้อรถบรรทุกที่ใช้น้ำมันดีเซล ทั้งที่จริงมีรถพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ได้เหมือนกัน
นายพิสิฐ กล่าวว่า ตนขอให้ตัดงบส่วนนี้ เพื่อเป็นตัวอย่าง โดยให้กระทรวงพลังงานซื้อแต่รถพลังงานไฟฟ้าเท่านั้น และอยากเห็นกระทรวงพลังงาน เป็นตัวตั้งตัวตีผลิตแสงโซล่าเซลล์ เพื่อให้ได้มาตรฐานอย่างแท้จริง แทนที่จะไปสนใจแต่เรื่องแอลพีจีหรือพลังงานเผาไหม้อื่นๆ อยากให้เน้นพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อลดมลภาวะทางอากาศ แก้ปัญหาฝุ่นละอองอย่างจริงจัง เราจะได้ใช้พลังงานสะอาดอย่างแท้จริง ตนจึงขอตัดงบ 5% เพื่อกระตุ้นให้กระทรวงพลังงานตื่นตัวเรื่องการใช้พลังงานสะอาดให้มากขึ้น
ด้านนายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า การตั้งงบของกระทรวงพลังงาน เป็นการตั้งงบแบบชาญฉลาด เพราะตั้งงบผูกพันประจำปีเกือบทุกโครงการ ใช้วิธีการจ้างบริษัทมหาชนข้างนอกมาทำงบ การจัดซื้อยานพาหนะของกระทรวงพลังงานก็ใช้วิธีเดียวกันหมด ทำให้กมธ.ไม่สามารถตัดได้ เพราะถ้าตัดจะส่งผลกระทบการใช้งบต่อเนื่อง และไม่เห็นว่ามีโครงการไหน เป็นโครงการเพื่อประชาชน จึงขอปรับลดงบ 7% และขอเรียกว่างบทิพย์ เพราะไม่สามารถตัดได้จริง
ขณะที่น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปราย ขอแปรญัตติปรับลดงบ 10% เพราะประเด็นร้อนที่อยู่ในความสนใจของประชาชน หลังจากบริษัท สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ประมูลได้สิทธิสำรวจ และผลิตปิโตเลียมอ่าวไทยแหล่งเอราวัณและบงกช ทำให้บริษัท เชฟลอน ผู้รับสัมปทานเดิมต้องรื้อถอนแท่นผลิตรวม 1.5 แสนล้านบาท และส่งมอบทรัพย์สินคืนให้กับรัฐ ทำให้บริษัท เชฟรอน ฟ้องร้องต่ออนุญาโตตุลาการต่อรัฐไทย เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะกระทรวงออกกฎกระทรวงย้อนหลัง
“เรื่องนี้น่าห่วง และกังวลว่าจะกลายเป็นความบกพร่อง ขาดความรอบคอบ ไม่รัดกุมของรัฐบาลหรือไม่ อยากให้กมธ.ชี้แจง และตอบคำถามว่าจากเหตุการณ์นี้จะส่งผลให้ประชาชนต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายงบคดีค่าโง่เหมือนหลายคดีหรือไม่ หากตอบไม่ได้ จำเป็นต้องขอตัดลดงบกรมเชื้อเพลิงพลังงาน 185 ล้านบาท เพื่อเตรียมใช้ในกรณีมีการฟ้องร้องในชั้นอนุญาโตตุลาการทั้งหมด” น.ส.เบญจา กล่าว
จากนั้นเวลา 11.45 น. ที่ประชุมเห็นชอบตามกมธ.เสียงข้างมาก ผ่านมาตรา 18 งบประมาณกระทรวงพลังงาน ด้วยคะแนนเห็นด้วย 230 เสียง ไม่เห็นด้วย 109 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง ไม่ลงคะแนน 3 เสียง