ทหารผาเมืองคุมเข้มชายแดน หลังเกิดระเบิดในท่าขี้เหล็ก หอการค้าชี้ไม่กระทบเปิดด่าน
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรณีเมื่อคืนที่ผ่านมาได้เกิดระเบิดขึ้น 2 ครั้ง บริเวณร้านขายของชำแห่งหนึ่ง ริมถนนทางเข้าวัดพระเจ้าระแข่ง และเจดีย์ชเวดากองจำลอง สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง ของจ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ห่างสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 1 ไม่ถึง 1 กิโลเมตร
ส่งผลทำให้มีร้านค้าได้รับความเสียหาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 3 ราย จากแรงระเบิด ซึ่งล่าสุดบรรยากาศโดยทั่วไปในเมืองแม่สาย โดยเฉพาะย่านการค้าชายแดนใกล้กับด่านพรมแดน ประชาชนและพ่อค้าแม่ค้ายังคงใช้ชีวิตกันตามปกติ
ส่วนสาเหตุของการระเบิด เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจเมียนมา เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลและกองทัพเมียนมา เพราะก่อนเกิดเหตุมีการพบระเบิดที่ยังไม่ทำงานด้วย ขณะที่กองกำลังผาเมือง โดยหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 ซึ่งดูแลชายแดนไทย-เมียนมาในพื้นที่อำเภอแม่สาย ได้สั่งการให้กำลังพลเพิ่มความเข้มงวดตรวจตราพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะริมแม่น้ำสายเพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฏหมาย
สำหรับตัวเมืองท่าขี้เหล็ก เกิดระเบิดมาแล้วหลายครั้ง วันที่ 1 ก.พ.65 มีเหตุการณ์ปาระเบิดใส่กลุ่มมวลชนที่ออกมาแสดงพลังสนับสนุนรัฐบาลและกองทัพเมียนมา บริเวณใกล้กับชานโยมะพาซ่า มีผู้เสียชีวิต 6 คน ได้รับบาดเจ็บกว่า 30 คน,
วันที่ 14 ม.ค.65 เกิดระเบิด 2 ครั้งบริเวณบ้านพักตำรวจท่าขี้เหล็ก และวันที่ 9 ม.ค.65 เกิดระเบิดใกล้ศาลากลางจังหวัดท่าขี้เหล็ก ทั้ง 2 ครั้งไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ
ย้อนหลังไปในปี 2564 เกิดระเบิดหลายครั้ง อาทิ วันที่ 6 มิ.ย.64 เกิดระเบิดขึ้น 3 ครั้งในผับม้าบินและใกล้กับโรงเรียนมัธยม ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ วันที่ 1 เม.ย.64 เกิดระเบิด 3 ครั้งใกล้กับโรงพักท่าขี้เหล็ก ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ
น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา ประธานหอการค้าอำเภอแม่สาย จ.เชียงราย กล่าวว่า เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในประเทศเมียนมา เป็นเรื่องภายในประเทศ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ซึ่งเหตุระเบิดครั้งล่าสุดแม้จะเกิดการระเบิดถึง 2 ครั้ง แต่หลังเกิดเหตุทางร้านค้าที่ได้รับความเสียหายก็ได้มีการเร่งเก็บกวาดพื้นฟูสภาพร้านเพียงวันเดียวก็สามารถกลับเปิดให้บริการลูกค้าได้ตามปกติแล้ว
โดยทางภาคเอกชนเชียงราย ยังมองว่าเหตุระเบิดในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา จะไม่มีผลกระทบต่อการเปิดด่านพรมแดน