“ซูเปอร์ไต้ฝุ่นฟงวอง” ถล่มฟิลิปปินส์หนัก อพยพด่วนกว่าล้านชีวิต!

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติฟิลิปปินส์ แถลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (9 พฤศจิกายน 2568) ว่า ซูเปอร์ไต้ฝุ่น “ฟงวอง” ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งบริเวณ เมืองดินาลุงกัน จังหวัดเอาโรรา ทางตอนเหนือของเกาะลูซอน เมื่อเวลา 13.10 น. ตามเวลาสากล (ตรงกับ 21.10 น. ตามเวลาท้องถิ่นของฟิลิปปินส์ ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง)

รายงานของอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์ระบุว่า ศูนย์กลางของซูเปอร์ไต้ฝุ่นฟงวองมีความเร็วลมสูงสุด 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และลมกระโชกแรงถึง 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่งผลให้หลายพื้นที่ในจังหวัดเอาโรราและอิซาเบลาเผชิญลมแรงและฝนตกหนัก โดยเฉพาะในเมืองคัวยาน จังหวัดอิซาเบลา ที่เกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง

ก่อนหน้านี้ ฟิลิปปินส์เพิ่งเผชิญกับ พายุไต้ฝุ่นคัลแมกี ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักทั่วภาคกลางของประเทศ โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 118 ราย และคาดว่าทั่วประเทศมีผู้เสียชีวิตรวมแล้วเกือบ 200 ราย จากเหตุน้ำท่วมและดินถล่ม ขณะที่ประชาชนมากกว่า 1 ล้านคนถูกอพยพล่วงหน้า ก่อนพายุฟงวองจะขึ้นฝั่ง

โดยพายุลูกนี้ได้เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือและผ่านตอนเหนือของเกาะลูซอนในคืนวันอาทิตย์ ก่อนจะเคลื่อนตัวลงสู่ทะเลจีนใต้ในวันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน และคาดว่าจะหันขึ้นไปทางเหนือ–ตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงกลางสัปดาห์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อไต้หวัน

พยากรณ์อากาศระบุว่า ตั้งแต่คืนวันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน ถึงวันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พื้นที่ตอนใต้และตะวันออกของไต้หวันจะได้รับฝนตกหนักปริมาณรวมสูงสุดถึง 600 มิลลิเมตร หรือเทียบเท่า 24 นิ้ว ทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อ น้ำท่วม ดินถล่ม และไฟฟ้าดับ ขณะเดียวกันความเร็วลมกระโชกอาจสูงถึง 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

ส่วนทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ รวมถึงเกาะบาตาเนสและบาบูยัน จะมีฝนตกหนักถึง 900 มิลลิเมตร และลมกระโชกแรงสูงสุดถึง 290 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน ระบบไฟฟ้า และการขนส่ง รวมทั้งคลื่นซัดฝั่งและน้ำทะเลหนุนตามแนวชายฝั่ง

แม้ฟิลิปปินส์จะคุ้นชินกับพายุไต้ฝุ่นหลายสิบลูกในแต่ละปี แต่การมาของ ไต้ฝุ่น “ฟงวอง” หลังจากที่เพิ่งประสบภัยจากพายุคัลแมกีเพียงไม่กี่วัน ทำให้สถานการณ์ภัยธรรมชาติในประเทศครั้งนี้ยิ่งทวีความรุนแรงและสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างหนักอีกครั้ง