รีเซต

แม่วัย 22 ปี ขอบริจาคเครื่องช่วยหายใจ ช่วยลูกสาว 4 ขวบป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง

แม่วัย 22 ปี ขอบริจาคเครื่องช่วยหายใจ ช่วยลูกสาว 4 ขวบป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
มติชน
27 พฤศจิกายน 2565 ( 19:39 )
61
แม่วัย 22 ปี ขอบริจาคเครื่องช่วยหายใจ ช่วยลูกสาว 4 ขวบป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากเฟซบุ๊กชื่อ ‘Saichon Jongsamak’ ขอผู้ใจบุญที่มีเครื่องช่วยหายใจเก่าเพื่อนำมาใช้กับลูกสาววัย 4 ขวบ ที่ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Spinal Muscular Atrophy : SMA) ขั้นรุนแรง จากการตรวจสอบผู้ร้องขอความช่วยเหลือดังกล่าวคือ น.ส.สายชล จงสมัคร หรือน้ำ อายุ 22 ปี ชาว ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์

 

น.ส.สายชลกล่าวว่า ตนได้แยกทางกับสามีเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนนั้นลูกสาวคือ ด.ญ.โชติกา หรือน้องเบเน่ อายุได้ประมาณ 6 เดือน ลูกสาวเริ่มมีอาการผิดปกติตอนอายุได้ 11 เดือน คือมีอาการอ่อนแรง ไม่ตั้งไข่เหมือนเด็กทั่วไป ต่อมาตนได้ออกไปทำงานที่กทม. แล้วส่งเงินมาให้ตากับยายที่ช่วยเลี้ยงลูกสาว โดย 2-3 เดือนจึงจะกลับมาเยี่ยมลูกสาว เมื่อลูกอายุได้ 2 ปี อาการเริ่มชัดขึ้น เพราะไม่เดิน จึงพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ กระทั่งโรงพยาบาลบุรีรัมย์ ส่งไปตรวจที่โรงพยาบาลมหาราช จ.นครราชสีมา เพื่อหาสาเหตุ สุดท้ายแพทย์ระบุว่าเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง นอนอยู่โรงพยาบาลมหาราช นานกว่า 2 เดือน

น.ส.สายชลกล่าวต่อว่า เมื่อกลับมาพักที่บ้านก็รักษาไปตามอาการ แล้วให้ตากับยายเลี้ยงไว้เหมือนเดิม ส่วนตนกลับไปทำงานต่อที่กทม. จนเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แม่ตนได้โทรไปบอกว่าน้องมีอาการผิดปกติอีก จึงเดินทางกลับมาพบว่า มีอาการทรุดไปเรื่อยๆ

ต่อมาต้องมารักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ แพทย์ระบุว่าเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงระยะรุนแรง เมื่อใช้เครื่องช่วยหายใจ อาการต่างๆ เช่นอาการปอดที่ติดเชื้อ และอาการไข้ก็จะหายไป

แพทย์ระบุว่าหลังจากนี้อาจจะต้องเจาะคอเด็ก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ สุดท้ายแจ้งว่าเด็กจะต้องรักษาแบบนี้ตลอดไป แต่ถ้าอยากจะให้ลูกสาวกลับไปรักษาต่อที่บ้าน จะต้องมีเครื่องช่วยหายใจ ไฟสำรอง เครื่องดูดเสมหะ และออกซิเจน แต่ทั้งหมดตนไม่มีปัญญาจะหาซื้อมาได้ เพราะรวมแล้วคิดเป็นเงินกว่า 200,000 บาท

น.ส.สายชลกล่าวว่า ตอนนี้อยากจะให้ลูกสาวกลับมารักษาที่บ้าน เพราะไม่อยากให้เป็นภาระของแพทย์ รวมถึงค่าใช้จ่ายระหว่างเดินทางมาเฝ้าลูกสาวที่ต้องจ่ายทุกวันแต่ไม่ได้ทำงาน ใช้เงินคนชราของตากับยายมาเป็นค่าเดินทางทุกวัน จึงอยากจะร้องขอให้ผู้ใจบุญที่มีอุปกรณ์ดังกล่าวที่เหลือใช้เหลือเก็บ มาให้ตนยืมไปใช้ก่อนจนกว่าลูกสาวจะหมดบุญแล้วจะส่งคืนให้

ด้านนางจุรีย์ คอนรัมย์ อายุ 67 ปี ยายทวดของน้องเบเน่ กล่าวว่า ทราบข่าวเรื่องหลานแล้วตกใจ สงสาร เพราะตนเลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ ถ้าจะให้ไปซื้อเครื่องช่วยหายใจคงไม่มีปัญหา เพราะมีมูลค่าถึงกว่า 200,000 บาท อยากให้ผู้ที่มีกำลังมาช่วยเหลือด้านใดด้านหนึ่งเพื่อให้หลานตัวเองใช้ชีวิตอยู่ต่อให้นานที่สุด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง