รีเซต

ยกระดับคุมเข้มโควิดในโรงงาน จี้ผู้ประกอบการทำแบบประเมินภายใน 15 มิ.ย.นี้ ก่อนสุ่มตรวจ

ยกระดับคุมเข้มโควิดในโรงงาน จี้ผู้ประกอบการทำแบบประเมินภายใน 15 มิ.ย.นี้ ก่อนสุ่มตรวจ
มติชน
6 มิถุนายน 2564 ( 14:13 )
63
 

วันนี้ (6 มิ.ย.64) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า กรมอนามัย ได้ร่วมกับกระทรวงแรงงาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) และกระทรวงมหาดไทย ดูแลเรื่องการป้องกันความเสี่ยงร่วม โดยสื่อสารให้สถานประกอบกิจการประเภทโรงงาน ปฏิบัติตามแนวทางทางการป้องกันโรค Good Factory practice (GFP) ด้วยการประเมินตนเองผ่านแพลตฟอร์ม Thai Stop COVID Plus และเมื่อประเมินแล้วจะส่งข้อมูลกลับมาบนฐานข้อมูลออนไลน์ หากโรงงานไหนประเมินไม่ผ่านจะต้องมีการปรับปรุง

 

 

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ จะมีการประเมินแบบ On site โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดับจังหวัดจะเข้าไปสุ่มประเมิน กำหนดให้ทุกจังหวัดต้องมีการประเมินโรงงานไม่น้อยกว่าร้อยละ 10-20 และขอให้โรงงานขนาดใหญ่ประเมินตนเองให้เสร็จภายในวันที่ 15 มิถุนายนนี้ แต่หากมีมาตรการใดที่ไม่ผ่าน ต้องปรับปรุงแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2564 เพื่อที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด สำนักงานแรงงานจังหวัด และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ดำเนินการสุ่มตรวจ โดยกรมอนามัยจะทำหนังสือส่งถึงผู้ประกอบการให้ทำประเมินตามความเป็นจริง

 

 

อธิบดีกรมอนมัย กล่าวว่า สำหรับการยกระดับคุมเข้มการระบาดของโรคโควิด-19 ในโรงงาน กำหนด 4 มาตรการหลัก คือ

 

 

1.มาตรการด้านการป้องกันโรค มีการคัดกรองวัดอุณหภูมิ สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา จัดให้มีที่ล้างมือพร้อมสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ไว้บริการ ลดความแออัด การเว้นระยะห่าง ติดตามข้อมูลของผู้ปฏิบัติงาน จัดให้มีที่ล้างมือพร้อมสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ไว้บริการ รวมถึงการให้ผู้ที่อยู่ในโรงงานปฏิบัติตามมาตรการ

 

 

2.มาตรการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม ทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัส การจัดการขยะมูลฝอย จัดให้มีการระบายอากาศที่เหมาะสม หอพักสำหรับผู้ปฏิบัติงานต้องสะอาด ไม่แออัด และหลีกเลี่ยงการรวมกลุ่ม หากมีรถรับ-ส่ง ต้องมีการทำความสะอาด สำหรับการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มในโรงอาหาร โดยกำหนดเส้นทางการเดิน จุดนั่ง เดิน ยืน หรือที่พักรอให้ชัดเจน แยกสำรับอาหาร แล้วไม่ใช้แก้วน้ำ จาน ชาม ร่วมกัน

 

 

3.มาตรการเสริมสำหรับโรงงานขนาดกลางและขนาดใหญ่ ต้องมีกลไกการจัดการและแผน เมื่อเกิดเหตุกรณีพบพนักงานติดเชื้อต้องมีการซักซ้อมแผน หากมีแรงงานต่างด้าวต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย และสำหรับโรงงานขนาดใหญ่ต้องเข้มเรื่องการคัดกรองผู้ปฏิบัติงานและผู้มาติดต่อ โดยใช้ระบบประเมินตนเองผ่านเว็บไซต์ “ไทยเซฟไทย” ก่อนเข้าปฏิบัติงาน เพื่อประเมินความเสี่ยงรายบุคคล กรณีมีรถรับ-ส่ง ให้พนักงานสวมหน้ากากตลอดเวลา เว้นระยะห่างวัดอุณหภูมิก่อนขึ้นรถ และเช็ดฆ่าเชื้อรถหลังใช้งาน ทำความสะอาดฆ่าเชื้อในพื้นที่ส่วนกลาง และจุดสัมผัสร่วมให้เปลี่ยนเป็นระบบอัตโนมัติ เช่น ประตู ก๊อกน้ำ เป็นต้น

 

 

4.มาตรการเมื่อพบผู้ติดเชื้อ ให้แจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ภายใน 3 ชั่วโมง เพื่อให้เจ้าหน้าที่สั่งการและคำแนะนำ หลังจากนั้นให้พิจารณาปิดพื้นที่หรือสถานที่และทำความสะอาดพื้นผิวทันที ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงสูงให้ส่งตรวจเชื้อและกักตนเองทันที ส่วนผู้เสี่ยงต่ำให้มีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ถ้ามีผู้ติดเชื้อมากกว่าร้อยละ 10 ให้ใช้บับเบิล แอนด์ ซีล (Bubble and seal) เพื่อให้กระบวนการผลิตสามารถดำเนินการต่อไปได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง