ฮ่องกงระงับส่งไปรษณีย์ไปยังสหรัฐฯ หลังทรัมป์ขึ้นภาษี

รัฐบาลฮ่องกงประกาศระงับบริการรับส่งพัสดุทางไปรษณีย์ไปยังและจากสหรัฐฯ โดยมีผลทันที นับเป็นมาตรการโต้กลับล่าสุดท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่ทวีความตึงเครียดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แถลงการณ์จากรัฐบาลที่เผยแพร่ในวันนี้ (16 เม.ย.) ระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นผลจากคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ยกเลิกข้อยกเว้นภาษีนำเข้าที่เรียกว่า de minimis ซึ่งเดิมใช้กับพัสดุต่างประเทศที่มีมูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 26,590 บาท โดยระบุว่ามาตรการดังกล่าวเป็นการใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรมและข่มเหงประเทศอื่น สหรัฐฯ ใช้มาตรการที่ไม่สมเหตุสมผล ข่มขู่ และเรียกเก็บภาษีอย่างไร้ความยุติธรรม พร้อมเตือนประชาชนว่า อาจต้องแบกรับภาระค่าจัดส่งที่สูงลิ่วจากมาตรการกดดันของสหรัฐฯ
ภายใต้มาตรการใหม่นี้ บริษัทไปรษณีย์ฮ่องกง (Hongkong Post) จะหยุดรับพัสดุทางเรือทันที และจะหยุดรับพัสดุทางอากาศตั้งแต่วันที่ 27 เมษายนเป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม เอกสารหรือจดหมายที่ไม่ใช่พัสดุยังสามารถส่งได้ตามปกติ
การระงับบริการดังกล่าวหมายความว่าบุคคลทั่วไปและภาคธุรกิจในฮ่องกงจะต้องหันไปพึ่งบริการขนส่งเอกชน เช่น FedEx และ DHL ซึ่งจะทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่กำลังมีผลบังคับใช้
เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร เพิ่มอัตราภาษีสินค้านำเข้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์จากจีนและฮ่องกง โดยอ้างว่าข้อยกเว้นเดิมถูกใช้เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าและการตรวจสอบศุลกากร
เดิมทีมาตรการนี้จะทำให้พัสดุเหล่านี้ต้องเสียภาษี 30% ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม แต่คำสั่งล่าสุดของทรัมป์ในสัปดาห์ที่ผ่านมากลับเพิ่มอัตราเป็น 120% หรือคิดเป็นค่าธรรมเนียมต่อชิ้น 100 ดอลลาร์ หรือราว 3,325 บาท และจะเพิ่มเป็น 200 ดอลลาร์ หรือราว 6,650 บาทในวันที่ 1 มิถุนายน
ฮ่องกง ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการค้าเสรีระดับโลก ที่ไม่มีภาษีขายและมีภาษีนำเข้าในระดับต่ำ เคยได้รับสถานะทางการค้าพิเศษจากสหรัฐฯ ซึ่งเอื้อให้สินค้าได้รับภาษีต่ำกว่าปกติ และมีขั้นตอนทางศุลกากรแยกจากจีนแผ่นดินใหญ่
อย่างไรก็ตาม สถานะพิเศษดังกล่าวถูกเพิกถอนในปี 2020 ระหว่างการดำรงตำแหน่งของทรัมป์ ท่ามกลางข้อกังวลเกี่ยวกับเสรีภาพที่เสื่อมถอยลงภายหลังการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกงโดยรัฐบาลปักกิ่ง
ในขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีนทวีความรุนแรงขึ้น ฮ่องกงก็ตกอยู่ในวงล้อมของความขัดแย้ง โดยต้องเผชิญกับภาษี 145% เช่นเดียวกับที่ใช้กับสินค้าจากจีน แม้ว่าฮ่องกงจะยังไม่ใช้มาตรการภาษีตอบโต้ 125% กับสินค้าสหรัฐฯ ก็ตาม
จอห์น ลี ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง ได้แถลงตอบโต้สหรัฐฯ อย่างเข้มข้นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า การปราบปรามของสหรัฐฯ ต่อจีนและฮ่องกงเข้าสู่ภาวะบ้าคลั่งแล้ว พวกเขาใช้นโยบายการค้าเป็นอาวุธ ด้วยการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ที่ไม่เป็นธรรม 145% ต่อฮ่องกง นี่เป็นหลักฐานชัดเจนว่าสหรัฐฯ เต็มไปด้วยอคติ และเผยให้เห็นธาตุแท้ของความเป็นเจ้าโลกที่พวกเขาอ้าง
นอกจากนี้ ลีระบุว่าฮ่องกงมีแผนจะยื่นเรื่องร้องเรียนต่อองค์การการค้าโลก (WTO) ต่อมาตรการของสหรัฐฯ ขณะที่จีนยืนยันว่าได้ยื่นเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นทางการแล้วเช่นกัน โดยเห็นว่ามาตรการดังกล่าวละเมิดกฎของ WTO