รีเซต

ชัชชาติ ชูนโยบายการอ่าน พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน ลั่น "ผมมีวันนี้เพราะหนังสือ"

ชัชชาติ ชูนโยบายการอ่าน พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน ลั่น "ผมมีวันนี้เพราะหนังสือ"
มติชน
4 มิถุนายน 2565 ( 16:05 )
80

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน หลังช่วงเช้า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คนที่ 17 ร่วมงาน Pride Month 2022 ที่ กทม. ร่วมจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมความหลากหลายทางเพศ ก่อนเดินทางไปแก้ไขพื้นผิวถนน ซึ่งเป็นผลกระทบจากโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน บนถนนพระราม 3

จากนั้น เวลา 13.00 น. นายชัชชาติ ได้ร่วมพูดคุยผ่าน Zoom เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็น ในเวทีพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายสวัสดิการหนังสือเพื่อเด็กปฐมวัย ในหัวข้อ “นโยบายการพัฒนาศักยภาพเด็กปฐมวัย ด้วยหนังสือและการอ่านจากพลังท้องถิ่น” จัดขึ้นที่ ห้องภาณุรังษี โรงแรมรอยัลริเวอร์ สะพานกรุงธนบุรี กรุงเทพฯ

สำหรับงานนี้ กรุงเทพมหานคร ร่วมจัดกับหลายหน่วยงาน อาทิ มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก (มพด.), สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), กล้าก้าวทีม, เครือข่ายอ่านยกกำลังสุข, เครือข่ายพลังอ่านชายแดนใต้, แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส., เครือข่ายสวัสดิการ, เครือข่ายเด็กเท่ากัน โดยมีผู้แทนจากเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทุกภูมิภาค ผู้กำกับและออกแบบนโยบาย ร่วมวงสนทนา พร้อมถ่ายทอดสดผ่าน ทางเฟซบุ๊กไลฟ์ เพจ “อ่านยกกำลังสุข”

ทั้งนี้ นายชัชชาติ กล่าวนำเสนอนโยบายพัฒนาศักยภาพเด็กประถมวัย ความว่า ต้องเรียนว่า จากประสบการณ์ส่วนตัว ตนมามีชีวิตทุกวันนี้ได้เพราะการอ่านหนังสือ คือสิ่งสำคัญที่สร้างชีวิตเรามา เผอิญพ่อ-แม่เน้นให้อ่าน แต่ไม่เริ่มจากอ่านหนังสือเรียน ตนอ่าน “พล นิกร กิมหงวน” อ่าน “ต่วยตูน” ตั้งแต่เด็ก ขอให้มีหนังสืออยู่ใกล้มือ หลักการง่ายๆ คือ “ให้อ่านสิ่งเรารัก จนกระทั่งเรารักการอ่าน” อ่านหนังสือการ์ตูนที่เด็กสนใจก็ได้ อ่านไปจนสุดท้ายเขารักการอ่าน

นโยบายของเรา มี 3 เรื่องหลัก คือ 1.อยากให้เป็นการ “ลงทุนน้อย แต่ได้เยอะ” ตนเชื่อว่าพัฒนาการช่วงแรกของเด็ก 0-8 ปี มีพัฒนาการสูงมาก เร็วมาก

“ลงทุนช่วงนี้ไม่ต้องใช้เงินเยอะ แต่ได้ผลก้าวหน้ามหาศาล การที่พ่อแม่ฝึกให้มีหนังสืออยู่ในบ้าน ค่าหนังสือถูกมาก ไม่ต้องแพงมาก ถ้าเด็กมีพัฒนาการที่ดีช่วงนี้ได้ จะเป็นรากฐานที่สำคัญของพวกเขาในอนาคต ที่ผ่านมาเราเน้นการศึกษา ประถม มหาวิทยาลัย แต่เราลืมเด็กก่อนวัยเรียน ซึ่งมีความก้าวหน้าสูงมาก กทม.เอง ต้องหันมาดูแลเด็กก่อนวัยเรียน 0-3 ปี ให้เข้มข้นขึ้น” นายชัชชาติกล่าว

2.บทบาทพ่อ-แม่มีความสำคัญมาก อย่างลูกของตน เป็นเด็กหูหนวก พาไปผ่าตัดที่ออสเตรเลีย เมื่อผ่าตัดเสร็จ สิ่งที่ต้องทำต่อมาคือการฝึกพูด

“เมื่อก่อนตอนยังไม่ผ่าตัด เราก็จะเอาลูกไปส่งให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยฝึก 1 ชม. แล้วเอาลูกกลับมาให้เรา แต่ที่ออสเตรเลีย เขาฝึกกับพ่อแม่ เขาบอกว่าเพราะพ่อแม่ใช่เวลากับลูกมากที่สุด เพื่อให้ไปฝึกลูกที่บ้านตลอดเวลาที่ลูกตื่นอยู่ นี่คือบทบาทสำคัญ ถ้ามีหนังสือที่บ้าน พ่อแม่ช่วยในการอ่าน จะช่วยได้มากกว่าการฝากความหวังไว้ที่ครู หรือโรงเรียน” นายชัชชาติกล่าว

3.เรื่องของทรัพยากร กทม.มีหน้าที่ต้องช่วยตรงนี้ ตนว่ามีคนจำนวนมากที่มีรายได้น้อย การหาหนังสือเด็กให้อ่าน อาจจะทำไม่ได้ จึงต้องเวียนกัน

“เรามีลิสต์หนังสืออยู่ เข้าใจว่ากรมอนามัย มีหนังสือ100 เล่มที่แนะนำให้เด็กอ่าน นโยบายที่เรามี เด็กช่วงแรกต้องมีหนังสือติดบ้านอย่างน้อย 3-5 เล่ม แล้วมาเวียนเปลี่ยนที่ศูนย์เด็กอ่อน ศูนย์เด็กก่อนวัยเรียน หรือ หน่วยงานของ กทม.ได้ อ่านจบแล้วก็เอามาหมุนเวียน คือสวัสดิการที่ กทม.ต้องจัดให้กับเด็ก ปัจจุบันใน กทม. มีเด็ก 0-3 ปี 152,000 คน การจัดตรงนี้ ไม่ได้ใช้งบประมาณมาก ถูกกว่าที่เราไปลงทุนโครงการต่างๆ อีกมากมาย นี่คือการลงทุนน้อยแต่ได้ผลเยอะ” นายชัชชาติกล่าว

นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า กทม.ก็มีห้องสมุด 36 แห่ง มีบ้านหนังสือ 117 แห่ง ต้องเพิ่มคุณภาพด้วย เพราะบางทีบ้านหนังสือก็จะเป็นตัวช่วยในชุมชน ถ้ามีอาสาสมัครไปอยู่ในบ้านหนังสือ เด็กก็อาจจะแวะมา หากพ่อแม่ไม่มีเวลาช่วยการอ่าน เสาร์-อาทิตย์ก็มีอาสาสมัครจากหน่วยงานเอกชน มาช่วยตรงนี้”

“จากประสบการณ์ส่วนตัว การอ่านเป็นเรื่องสำคัญมากๆ และ กทม. ต้องดำเนินนโยบายเรื่องนี้อย่างเอาจริงเอาจัง เป็นการลงทุนที่ไม่ใช้งบประมาณเยอะ เทียบกับโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งสิ่งโครงสร้างพื้นฐานจะไม่มีประโยชน์เลย ถ้าพลเมืองไม่มีคุณภาพ ไม่มีพัฒนาการที่ดี

เบื้องต้น ขอรับนโยบายไปดำเนินการ เราเห็นด้วยต้องมีหนังสือประจำบ้าน หมุมเวียนเปลี่ยน ให้โตมาอ่านได้ครบ 100 เล่ม และให้พ่อแม่เข้าถึงได้สะดวก” นายชัชชาติกล่าว และว่า

“ผมไม่มีวันนี้หรอก ถ้าไม่ได้อ่านหนังสือ เป็นการเพิ่มจุดในชีวิตในสมอง แล้วเราเอามาเชื่อมต่อเป็นคำตอบได้”

จากนั้นทีมงานของนายชัชชาติ ร่วมฟังการเสวนาต่อ เนื่องจากนายชัชชาติมีภารกิจต่อไป โดยทีมงานจะรับข้อเสนอทุกอย่างไปปฏิบัติ ยืนยันว่า ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง