รีเซต

ปลดล็อก "สุราชุมชน" ประชาชนจะได้อะไร ?

ปลดล็อก "สุราชุมชน" ประชาชนจะได้อะไร ?
TNN ช่อง16
15 มกราคม 2568 ( 16:44 )
27


วันที่ 15 มกราคม 2568 ที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติ ’เห็นชอบ‘ ร่างแก้ไขพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต ฉบับที่ … พ.ศ. … หรือ พ.ร.บ.สุราชุมชน ในวาระ 3 ด้วยเสียงเห็นชอบ  415 เสียง   ไม่เห็นชอบ ไม่มี  งดออกเสียงไม่มี    ไม่ลงคะแนนเสียง 5 เสียง  


ร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่่ … ) พ.ศ. … มีสาระสำคัญอยู่ที่การแก้ไขมาตรา 153 ว่า “ผู้ใดประสงค์จะผลิตสุรา หรือมีเครื่องกลั่นสำหรับผลิตสุราไว้ในครอบครอง ให้ยื่นคำขออนุญาตต่ออธิบดี และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด


การขออนุญาต และการออกใบอนุญาต ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดกฎกระทรวง”


กฎกระทรวงตามวรรคสอง มีสาระสําคัญคือ


1. ส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยให้สามารถประกอบอาชีพของตนได้ โดยไม่สร้างเงื่อนไขหรือภาระให้แก่ผู้ขออนุญาตเกินความจําเป็น 


2. เปิดโอกาส ให้สถาบันเกษตรกรตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และวิสาหกิจชุมชน ได้เข้าถึงใบอนุญาตเช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป เพื่อส่งเสริมการขยายตัวของเศรษฐกิจฐานราก 


3. ต้องไม่กําหนดถึงกําลังการผลิตและทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ แต่ให้คํานึงถึงคุณภาพและความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นสําคัญด้วย



นอกจากนี้ เมื่อร่างกฎหมายผ่านการพิจารณาในวาระ 2-3 และมีผลบังคับใช้ จะนำไปสู่การออกกฎกระทรวงเรื่องการผลิตสุราฉบับใหม่  โดย กมธ. มีข้อสังเกตร่วมกันว่าดังนี้


1. จะต้องไม่มีการนำหลักเกณฑ์เรื่อง กำลังแรงม้าของเครื่องจักร จำนวนคนงาน ขนาดกำลังการผลิตสุรา ปริมาณการผลิต ทุนจดทะเบียน ระยะเวลาในการประกอบกิจการ การจัดทำ EIA มาเป็นมาสร้างเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรม หรือมีลักษณะของการผูกขาดทางเศรษฐกิจ


2. จะไม่สามารถกำหนดเงื่อนไขการขออนุญาตผลิตสุรา แบบขั้นบันไดได้อีกแล้ว จากเดิมที่ผู้ประกอบการจะต้องขอทำโรงสุราขนาดเล็กมาก่อน 1 ปีก่อน จึงจะสามารถขอทำโรงสุราขนาดกลางได้ จากนี้ใครมีความพร้อมในการทำโรงสุราขนาดใดก็สามารถขอทำโรงสุราขนาดนั้นๆ ได้เลย


3.  การผลิตเบียร์จากเดิม หากจะบรรจุกระป๋อง หรือขวดขาย จะต้องทำเป็นโรงงานขนาดใหญ่ ได้รับการเห็นชอบรายงาน EIA ซึ่งหมายความว่า คุณต้องมีปริมาณการผลิต 7.2 ล้านลิตรต่อปี จะต้องปรับแก้ให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถทำได้เช่นกัน เนื่องจากปัจจุบันมีเทคโนโลยีการผลิตเบียร์สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็ก และขนาดกลางที่ได้มาตรฐานเช่นเดียวกัน จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างโรงเบียร์ที่เป็นโรงอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เท่านั้น

.

4. จะต้องไม่กำหนดกำลังการผลิตขั้นต่ำ จากเดิมผู้ประกอบการที่ต้องการจพทำเหล้าสี จะต้องผลิตไม่น้อยกว่า 30,000 ลิตรต่อวัน หลังจากนี้จะไม่มีเงือนไขนี้แล้ว และจากเดิมที่อนุญาตเฉพาะกลุ่มบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล หลังจากนี้กลุ่มสหกรณ์การเกษตร วิสาหกิจชุมชน ก็สามารถทำได้เช่นกัน

.

5. โรงสุราขนาดเล็ก หรือกลาง สามารถตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้แหล่งน้ำได้ แต่ต้องมีระบบบำบัดน้ำเสีย (โรงใหญ่ตั้งได้อยู่แล้ว และมีระบบบำบัด)


6. รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกียวข้องควรจะพิจารณาแบ่งประเภทสุราใหม่ ให้มีการแสดงชื่อสุราบนฉลากที่มีความหลากหลายมากขึ้น 


7. รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกียวข้องควรจะพิจารณา ให้มีสามารถมีการบรรจุสุราในบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็กได้ เพื่อเป็นของใฝากสำหรับนักท่องเที่ยว


8. การขอใบอนุญาตผลิตสุรากลั่น และสุราแช่ สามารถใช้ที่อยู่เดียวกันได้ (สุราบางชนิดใช่ทั้งกระบวนการกลั่นและแช่ จากเดิมต้องย้ายโรงงานกันหรือส่งวัตถุดิบไปอีกโรงงานหนึ่ง)


9. ควรออกมาตรการทางภาษีเพื่อส่งเสริมเกษตรกรที่นำสินค้าเกษตรในท้องถิ่นมาผลิตเป็นสุรา และ


10. โรงเบียร์ขนาดเล็กและกลาง ที่ไม่สามารถติดตั้งเครื่องพิมพ์เครื่องหมายแสดงการเสียภาษี(หลักล้าน) ให้มีการพิจารณาให้มีการซื้ออากรแสตมป์มาติดได้ 


[สนับสนุน SMEs วิสาหกิจชุมชน สถาบันเกษตรฯ ขอใบอนุญาติได้]


ด้านนายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... กล่าวในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงสาระสำคัญของการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ คือการเพิ่มเติมความในมาตรา 153 เพื่อกำหนดกรอบในการออกกฎกระทรวง เกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตผลิตสุราหรือมีเครื่องกลั่นสำหรับผลิตสุราไว้ในครอบครอง ให้เปิดกว้างมากขึ้น ภายใต้ 2 ประเด็นหลัก คือ


1) ต้องสนับสนุนให้สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน องค์กรเกษตรกร หรือ

ผู้ประกอบการรายย่อย สามารถขอรับใบอนุญาตผลิตสุราเพื่อการค้าได้ โดยไม่ใช้หลักเกณฑ์ที่เป็นการเลือกปฏิบัติหรือผูกขาดทางเศรษฐกิจโดยไม่เป็นธรรม หรือสร้างภาระเกินสมควร


2) ต้องสนับสนุนการใช้สินค้าเกษตรในประเทศมาผลิตหรือนำมาเป็นส่วนผสมในการผลิตสุราทุกประเภท


ทั้งนี้ ยังดำรงในหลักการเดิมว่า การผลิตสุราหรือมีเครื่องกลั่นสุราไว้ในครอบครอง ไม่ว่าด้วยวัตถุประสงค์ใด ยังคงต้องมีการขออนุญาต เพื่อให้หน่วยงานของรัฐรับทราบและสามารถควบคุมผลกระทบจากการลักลอบผลิตอย่างผิดกฎหมายได้ ซึ่งไม่ใช่ “สุราเสรี” ที่เปิดให้ทุกคน ผลิตสุราโดยขาดการควบคุม ซึ่งแตกต่างจากร่าง “สุราก้าวหน้า” ของพรรคประชาชน ที่สภาผู้แทนราษฎรเคยมีมติ “ไม่รับหลักการในวาระ 1“ เพราะมีหลักการที่จะให้การขออนุญาตผลิตสุราต้องทำเมื่อผลิตเพื่อการค้าเท่านั้น


นายชนินทร์ กล่าวว่า การแก้ไขกฎหมายสุราชุมชนในครั้งนี้ จะส่งเสริมนโยบายของรัฐบาล ที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เคยประกาศไว้ โดยจะสร้างประโยชน์ต่อเนื่อง 4 เรื่องคือ


[ส่งเสริมแปรรูปผลผลิตการเกษตร]


1) ลดการผูกขาดทางเศรษฐกิจของผู้ประกอบการรายใหญ่ และส่งเสริมการประกอบอาชีพของผู้ประกอบการรายย่อย ให้ประชาชนที่อยากประกอบอาชีพอย่างถูกต้อง มีช่องทางได้รับใบอนุญาตตามกฎหมาย


2) ส่งเสริมการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรของเกษตรกรในประเทศ ให้เกษตรกรมีโอกาสใหม่ในการสร้างได้รายได้เพิ่มขึ้น


3) เพิ่มการจัดเก็บรายได้ทางภาษีแก่ภาครัฐ จากการนำสินค้าที่ผลิตแบบไม่ถูกต้องตามกฎหมายเข้าสู่ระบบ และโอกาสจากการต่อยอดผลิตภัณฑ์สุราเป็นสินค้าส่งออกมากขึ้น


4) ส่งเสริมให้วัฒนธรรมสุราชุมชน เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ ที่จะสร้างการรับรู้และยอมรับของชาวต่างชาติ ยกระดับซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมอาหารต่อไป


“ผมต้องขอบคุณกรรมาธิการทุกท่านจากทุกพรรคการเมือง ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ที่ร่วมกันผลักดันการแก้กฎหมายสุราชุมชนนี้ดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ขอบคุณรัฐบาลที่สนับสนุนและดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงบางส่วนคู่ขนานพร้อมกัน เพื่อให้การแก้กฎหมายในครั้งนี้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด”  นายชนินทร์กล่าว


[เพิ่มแอลกอฮอล์เป็น 53 ดีกรีได้หรือไม่]


ด้านนายนิยม วิวรรธนดิฐกุล สส.แพร่ กล่าวว่า จังหวัดแพร่  โดยเฉพาะที่ตำบลสะเอียด อำเภอสอง จังหวัดแพร่ เป็นพื้นที่ผลิตและจำหน่ายสุราชุมชนกว่าพันล้านบาท โดยมีตัวเลขเสียภาษีสรรพสามิตรกว่า 500 ล้านบาท และจาการเดินทางไปดูงานการผลิตสุราที่ประเทศจีนเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนก็พบว่า คนจีนนิยมสุราเหมาไถ มีกรรมวิธีการผลิตสุราอย่างยาวนาน ราคาขวดละเกือบหนึ่งหมื่นบาท มีโรงงานสุรา 2 พันกว่าโรงงานทั้งของรัฐและเอกชน ซึ่งคนจีนนิยมดื่มสุราขาวมีแอลกอฮอล์ 32 ดีกรี ขนาดบรรจุ 500 มิลลิลิตร แต่กฎหมายของไทยยังกำหนดปริมาณแอลกอฮอล์ไว้ที่ 40 ดีกรี จึงขอตั้งเป็นข้อสังเกตที่จะให้ สุราชุมชนไทยควรขยายอัตราดีกรีได้ถึง 53 ดีกรี 


[เกณฑ์อายุผู้ซื้อ-เวลาจำหน่ายต้องชัด]


ด้านนายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้แม้ว่าจะดูเหมือนว่าปลดล็อกเปิดกว้างให้พี่น้องประชาชน แต่เราต้องควบคุมควบคู่ไปกับความปลอดภัย การจะแก้ไขหรือตรากฎหมายจะต้องระมัดระวังคำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับทุกฝ่าย รวมถึงผู้บริโภคเป็นสำคัญ

ต้องไม่ลืมว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ใช่มีแค่รายได้แต่ก็ยังมีอีกด้านคือเรื่องสุขภาพ ต้องมีมาตรการควบคุมกันไป โดยควบคุมที่ผู้ผลิต ผู้ขาย เกณฑ์อายุผู้ซื้อ ตลอดจนเวลาการจัดจำหน่ายด้วย


[ป้องกันขายเหล้าพ่วงเบียร์ช่วยสุราชุมชนแจ้งเกิดได้]


นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ อภิปรายขอคำยืนยันและขอคำชี้แจงเรื่องการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตตามวรรค 1 ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ เงื่อนไข ตามกฎกระทรวง ใน 7 ประเด็น ได้แก่

1.ความชัดเจนในระยะเวลาและขั้นตอนการขออนุญาต

2.ยกเลิกการควบคุมขนาดบรรจุภัณฑ์หรือไม่

3.มีการป้องกันการขายเหล้าพ่วงเบียร์ โซดา น้ำ ในร้านค้ารายย่อย ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการขายสุราชุมชนหรือไม่ เพื่อให้รายย่อยเกิดได้จำหน่ายได้อย่างแท้จริง

4.การโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่รายย่อยอาจจะเสียเปรียบรายใหญ่

5.เปิดให้ภายนอกสนับสนุนเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตได้หรือไม่

6.ต้นทุนภาษีของรายเล็ก กับ รายใหญ่ที่เท่ากัน แต่ต้นทุนแตกต่างกัน จะมีวิธีการแก้ไขอย่างไร

7.พืชการเกษตร อ้อย ข้าว มันสำปะหลัง ภาครัฐ หรือ หน่วยงานมหาวิทยาลัย จะสนับสนุนการแปรรูปอย่างจริงจังให้ทันกับปริมาณผลผลิตการเกษตรที่ล้นตลาดได้หรือไม่


กมธ.จะปลดข้อจำกัดและข้อเสนอเหล่านี้ หรือใส่ไปในข้อสังเกตได้หรือไม่ เพื่อให้สุราชุมชนทำได้จริง


เรื่องข้อสังเกตเรื่องระยะเวลาการขอใบอนุญาตและขนาดบรรจุภัณฑ์ บรรจุไว้ในข้อสังเกตและจะอยู่ในกฎกระทรวงแน่นอน โดยจะนำไปปรับปรุง แต่ในบางประเด็นนอกเหนือ พ.ร.บ.ฉบับนี้ เช่น เรื่องการประชาสัมพันธ์ อยู่ใน พ.ร.บ.แอลกอฮอล์ ซึ่งกำลังปรับปรุงอยู่


[สุขภาพต้องมาควบคู่กับเศรษฐกิจ]


นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน ได้ตั้งข้อสังเกตของการผลิตสุราไว้ในครอบครอง ที่หมายถึงมีไว้กินไม่ได้ขาย ต้องขออนุญาติ มิฉนั้นจะผิดกฎหมายสรรพสามิตใช่หรือไม่ เพราะพี่น้องชาวบ้าน เขาหมักแป้งเอง ผลิตเองตามประสบการณ์จากบรรพบุรุษ ดังนั้นใจผม ไม่ว่าจะสุราเพื่อบริโภคหรือจำหน่าย ควรต้องขออนุญาติและต้องดูแลควบคู่ไปกับสุขภาพของพี่น้องประชาชนเป็นลำดับแรกด้วย



ภาพ Freepik /  เพื่อไทย 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง