รีเซต

พิกบอร์ดชงนายกฯ ถกญี่ปุ่นเปิดตลาดสุกรแปรรูปไทย 2 พิกัด ในการประชุมอาเซียนซัมมิท พ.ย.นี้

พิกบอร์ดชงนายกฯ ถกญี่ปุ่นเปิดตลาดสุกรแปรรูปไทย 2 พิกัด ในการประชุมอาเซียนซัมมิท พ.ย.นี้
ข่าวสด
20 สิงหาคม 2563 ( 18:57 )
59
2
พิกบอร์ดชงนายกฯ ถกญี่ปุ่นเปิดตลาดสุกรแปรรูปไทย 2 พิกัด ในการประชุมอาเซียนซัมมิท พ.ย.นี้

 

พิกบอร์ดชงนายกฯ ถกญี่ปุ่นเปิดตลาดสุกรแปรรูปไทย 2 พิกัด ในเวที อาเซียนซัมมิท พ.ย.นี้ หลังไทยผ่อนปรนนำเข้าสินค้าประมงจากเขตกัมมันตรังสี พร้อมไฟเขียวเนื้อสุกรจากญี่ปุ่น

 

พิกบอร์ดชงนายกฯ - นายองลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายสุกรและผลิตภัณฑ์ (พิกบอร์ด) มีพิจารณาท่าทีฝ่ายไทยเพื่อในการเจรจาขยายการส่งออกเนื้อสุกรในตลาดญี่ปุ่น อีกครั้ง ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะหยิบยกขึ้นมาหารือกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น การประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN SUMMIT) ในเดือนพ.ย. 2563

 

ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นว่า ท่าทีการเจรจาดังกล่าวไทยต้องการขยายโควตาสินค้าสุกรแปรรูปไปญี่ปุ่น กำหนดเป็นท่าทีหลัก คือ ขอให้ญี่ปุ่นยกเลิกโควตาสินค้าสุกรแปรรูป 2 พิกัดภาษีศุลกากร คือ พิกัดฯ 1602.41.090 คือ ส่วนขาหลังและส่วนตัดขาหลัง และ พิกัดฯ 1602.49.290 คือส่วนอื่น เช่น Luncheon meat และทยอยลดภาษีลงจาก 16% เหลือ 0% ในที่สุด และท่าทีสำรอง ขอให้ญี่ปุ่นทยอยเพิ่มปริมาณโควตาสินค้าสุกรแปรรูป 2 พิกัด ดังกล่าว โดยเริ่มจาก 12,000 ตันต่อปี เป็นโควตาในแต่ละปี และให้ญี่ปุ่นทยอยลดภาษีโควตาจาก 16% เป็น 0% ในที่สุด ทั้งนี้ ให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศพิจารณาช่วงระยะเวลาในการยกเลิกโควตาและช่วงระยะเวลาในการทยอยลดภาษีต่อไป

 

ที่ผ่านมาไทยใช้กรอบความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ เดือนพ.ย. 2550 ในการผลักดันการเจรจาเปิดตลาดสินค้า โดยทั้ง 2 ฝ่ายสามารถหยิบยกสินค้าบางประเภทที่สามารถนำกลับมาเจรจาเพิ่มเติมได้ในปี ที่ 5 และ 6

 

ซึ่งไทยได้เริ่มผลักดันให้ญี่ปุ่นขยายโควตาสินค้าสุกร 2 พิกัด มาตั้งแต่ปี 2553 ในขณะที่ญี่ปุ่น มีหนังสือขอเปิดตลาดเนื้อสุกรมายังไทยเมื่อปี 2556 ซึ่งที่ผ่านมา ญี่ปุ่นไม่สามารถส่งมาได้ แม้ว่าไทยจะลดภาษีเหลือ 0% แล้วภายใต้ความตกลง JTEPA เนื่องจากเนื้อสุกรของญี่ปุ่นยังไม่ผ่านมาตรฐานสุขอนามัย (SPS) โดยต่อมาญี่ปุ่นได้พัฒนาในด้าน SPS ไทยจึงต้องเปิดตลาดให้ ปัจจุบันญี่ปุ่นได้แจ้งชื่อโรงงานที่จะส่งออกมาไทยแล้ว 1 โรงงาน ซึ่งกรมปศุสัตว์จะนำรายชื่อประกาศขึ้น Website ของกรมปศุสัตว์ต่อไป

 

สำหรับประเด็นที่ไทยจะขอขยายโควตา แต่เพิ่มมีการหยิบยกมาเจรจาอีกครั้งเมื่อปี 2558 เมื่อครั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางไปเยือนญี่ปุ่น เดือนก.พ. 2558 ได้หารือกับนายกฯ ญี่ปุ่น ในเรื่องนี้ ท่าทีเบื้องต้นพร้อมที่จะพิจารณาเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษ โดยขอให้เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่ายหารือกันต่อไป แต่ญี่ปุ่นได้ขอให้ไทยผ่อนปรนมาตรการห้ามนำเข้าสินค้าประมงจากพื้นที่ประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหวของญี่ปุ่น และแสดงความสนใจพัฒนารถไฟชินคันเซนจากกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ด้วย ซึ่งปัจจุบันไทยได้ผ่อนปรนเรื่องการนำเข้าสินค้าประมงดังกล่าวแล้ว ดังนั้น ญี่ปุ่นควรพิจารณาขยายโควตาสุกร 2 พิกัด ให้กับไทยตามข้อเสนอ

 

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังพิจารณาการช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์โรคระบาด และเพื่อให้มีความปลอดภัยในการเลี้ยงสุกร จึงเห็นควรให้ปรับแก้ไขแผนการใช้เงินกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ปี 2561 ภายใต้โครงการปรับระบบการป้องกันทางชีวภาพของฟาร์มสุกรรายย่อย เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของโรคระบาดอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF)
โดยให้ จัดอบรมระบบ Good Farming Management (GFM) หรือ แนวทางการยกระดับมาตรฐานการทำปศุสัตว์ ด้วยระบบป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม พร้อมทั้งรับรอง สนับสนุนปัจจัยการผลิตต่อเกษตรกร เป็นการประเมินรายฟาร์ม ซึ่งจะไม่เท่ากันในแต่ละราย โดยไทยมีฟาร์มที่ประเมินความเสี่ยงต่อ ASF ระดับสูง - สูงมาก จำนวน 36,649 ฟาร์ม ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย-เล็ก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง