รีเซต

CBG ผนึกชิงเต่ารุกจีน “เสถียร”สั่งรุกเบียร์สด

CBG ผนึกชิงเต่ารุกจีน “เสถียร”สั่งรุกเบียร์สด
ทันหุ้น
12 พฤศจิกายน 2568 ( 02:35 )
18

#CBG #ทันหุ้น – CBG ปรับทัพธุรกิจต่างประเทศผนึกยักษ์ชิงเต่า บุกจีนปีหน้า ชี้ศักยภาพพันธมิตร มีโครงข่ายจัดจำหน่ายใหญ่ โฟกัสฐานที่มั่นซานตง-ยูนาน ขณะที่ไทยขายดีขึ้นเบอร์ 1 มาร์เก็ตแชร์ 30% ด้านธุรกิจครอบครัวเบียร์พร้อมเป็นฐานที่มั่นอาเซียนให้ชิงเต่า เชื่อถึงจุดคุ้มทุนปีนี้ ล่าสุดเปิดตัวเบียร์สดตะวันแดงมั่นคุณภาพ

            นายเสถียร เสถียรธรรมะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมที่จะทบทวนปรับโครงสร้างยอดขายสินค้าต่างประเทศใหม่ โดยจะมีการเดินหน้าขยายธุรกิจเชิงกลยุทธ์ในตลาดจีน ผ่านการจับมือกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง ชิงเต่า (Tsingtao) ซึ่งเป็นบริษัทเบียร์เก่าแก่และติดอันดับ Fortune Global 500 โดยกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเป็น ตัวแทนจำหน่าย เครื่องดื่มชูกำลัง “คาราบาวแดง” ในประเทศจีน คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังในจีนได้ในช่วง ต้นปีหน้า ซึ่งอาจเป็นช่วงไตรมาส 1 หรือไตรมาส 2

            การเป็นพันธมิตรกับชิงเต่าทำให้คาราบาวสามารถใช้ประโยชน์จาก โครงข่ายการจัดจำหน่าย ที่แข็งแกร่งของชิงเต่าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมณฑลซานตง ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของชิงเต่าและมีส่วนแบ่งตลาดเบียร์ในมณฑลนี้มากกว่า 90%

            นายเสถียร ยอมรับว่า การรุกตลาดจีนถือเป็นกลยุทธ์ในการ กระจายความเสี่ยง และแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะหลังจากที่บริษัทฯ ประสบปัญหาการส่งออกในตลาดกัมพูชา โดย จีนจะเป็นหมุดหมาย สำคัญในการสร้างรายได้ต่างประเทศในปีหน้า ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ต่างประเทศของเครื่องดื่มชูกำลังอยู่ที่ประมาณ 40% 

            ความร่วมมือนี้เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าคาราบาวได้ค้นพบทางออก ในการเข้าถึงตลาดขนาดใหญ่ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านเครือข่ายและการจัดจำหน่ายของพันธมิตรระดับโลก ซึ่งเปรียบเสมือนการเปิดประตูบานใหญ่ที่แข็งแรงด้วยกุญแจที่ถูกต้อง

            ขณะที่ยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศนับว่าเติบโตมากและสามารถมีมาร์เก็ตเชร์เป็นอันดับ 1

@ ฐานผลิตเบียร์อาเซียน

            นายเสถียร กล่าวว่า กลุ่มตะวันแดงของครอบครัวได้ลงนามในสัญญาเพื่อรับจ้างผลิตเบียร์ในรูปแบบ OEM ในประเทศไทยให้กับชิงเต่า ซึ่งการที่ชิงเต่าเลือกมาทำ OEM กับคาราบาว เพราะคาราบาว เป็นผู้ผลิตรายเดียวที่สามารถผลิตเบียร์ให้กับชิงเต่าได้ โดยเบียร์ที่ผลิตในไทยจะถูกจำหน่ายผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายของคาราบาวที่มีอยู่

            ซึ่งการผลิตเบียร์ชิงเต่าขายในไทยนั้น เป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น มีโอกาสที่โรงงานผลิตเบียร์ของคาราบาวในประเทศไทยจะถูกใช้เป็นฐานการผลิตที่สำคัญของชิงเต่า เพื่อขยายตลาดไปยังภูมิภาคอาเซียน และแม้กระทั่งออสเตรเลียในอนาคต ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ได้

            นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับแบรนด์เครื่องดื่มเบียร์ เพื่อที่จะรับจ้างผลิตให้ด้วย โดยปัจจุบันบริษัทกำลังการผลิต 300 ล้านลิตร อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 20% ซึ่งจุดคุ้มทุนจะต้องมียอดขายเทียบเท่าการใช้กำลังการผลิตอย่างน้อย 30% ซึ่งเชื่อว่าบริษัทเบียร์ของกลุ่มครอบครัวจะสามารถถึงจุดคุ้มทุนได้ในกลางปีหน้า

            ซึ่งการเพิ่มขึ้นของอัตราการใช้กำลังการผลิตจะมาจากการพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่าย รวมถึงโอกาสจากความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก โดยในส่วนของ CBG จะได้ประโยชน์จากแพ็กเก็จจิ้ง และการจัดจำหน่าย

@ รุกเบียร์สด

            ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวเบียร์สดที่มีคุณภาพและเชื่อว่าเป็นผลิตภัณฑ์เบียร์สด “ดีที่สุดในประเทศ” โดยมีแท็ปความเย็น และมีแอลกอฮอล์ 4.8 ดีกรี โดยเตรียมที่จะให้ร้านค้าต่างๆ นำไปบริการราว 100 ร้านค้า ซึ่งร้านค้าจะได้มาร์จิ้นที่ดี และล่าสุดมีผู้มาติดต่อบริษัทเพื่อให้เบียร์สดไปอยู่ในงานต่างๆ เช่น คอนเสิร์ตและเทศกาลกลางแจ้ง

            นายเสถียรยอมรับว่าในช่วง 2 ปีแรกที่เข้าสู่ตลาดเบียร์ บริษัทเผชิญกับการกีดกันที่รุนแรงในช่องทางร้านค้าปลีก อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทเข้าใจตลาดมากขึ้น และมีกลยุทธ์ในการรับมือ  แม้ธุรกิจเบียร์จะมีการขาดทุนสะสมไปแล้วประมาณ 1,000 ล้านบาท ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่บริษัทยืนยันว่ายอดขายมีการเติบโตขึ้นทุกเดือน และคาราบาวสามารถทำตลาดได้ดีในร้านอาหารและร้านค้าส่งขนาดเล็ก โดยในหลายพื้นที่สามารถสร้างส่วนแบ่งตลาดได้สูงถึง 40-50% จึงมั่นใจในคุณภาพของเบียร์ โดยมี 6 รสชาติ และมีการปรับปรุงรสชาติให้เข้ากับคนไทย เชื่อว่าคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่ดีจะช่วยให้ธุรกิจค่อยๆ เติบโตได้ในระยะยาว เช่นเดียวกับที่ประสบความสำเร็จในตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง

@ ไตรมาส 4 เข้าไฮซีซัน

            สำหรับแนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 4 โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม ถือเป็นช่วง “หน้าเหล้า หน้าข้าว” ซึ่งเป็นฤดูแห่งการดื่มกินและเฉลิมฉลอง ประเมินว่าตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเดือนเหล่านี้มักมียอดขายมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติถึง 2-3 เท่า และยังได้รับปัจจัยบวกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น โครงการคนละครึ่ง หรือการเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการ ซึ่งส่งผลให้ยอดขายของธุรกิจในเครือ โดยเฉพาะ CJ และร้านถูกดี มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่มีการใช้จ่ายดังกล่าว โดยประเมินยอดขายของเครื่องดื่มชูกำลังปีนี้จะเติบโตประมาณ 20% ที่ระดับ 20,000 ล้านบาท

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง