รีเซต

ยูเอ็นเตือนสงครามยูเครน ทำ ‘อาหารขาดแคลน-ราคาพุ่ง’ สูงสุดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

ยูเอ็นเตือนสงครามยูเครน ทำ ‘อาหารขาดแคลน-ราคาพุ่ง’ สูงสุดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
มติชน
30 มีนาคม 2565 ( 14:07 )
40
ยูเอ็นเตือนสงครามยูเครน ทำ ‘อาหารขาดแคลน-ราคาพุ่ง’ สูงสุดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

โครงการอาหารโลก (WFP) เตือนว่า สงครามในยูเครนส่งผลกระทบต่อโลกมากกว่าที่เคยเห็นนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 และจะทำให้อาหารขาดแคลน ขณะที่ราคาเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย เพราะมันได้เปลี่ยนยูเครนซึ่งเคยเป็นอู่ข่าวอู่น้ำของโลก ให้กลายเป็นประเทศที่ต้องเข้าคิวเพื่อรับการปันขนมปัง

 

นายเดวิด บีสลีย์ ผู้อำนวยการ WFP กล่าวกับที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า สงครามที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่ทำลายล้างยูเครนและภูมิภาคที่มีพลวัตเท่านั้น แต่มันยังส่งผลระทบต่อโลกมากกว่าที่เราเคยเห็น

 

บีสลีย์กล่าวว่า 50% ของธัญพืชที่ WFP ซื้อเพื่อนำไปใช้ในโครงการความช่วยเหลือด้านอาหารต่างๆ ของสหประชาชาติมาจากยูเครน เพียงเท่าที่ก็จะทำให้เห็นถึงหายนะที่จะเกิดขึ้นกับลำพังแค่ปฏิบัติการของเราเท่านั้น เพราะขณะนี้เกษตรกรกลายเป็นคนที่อยู่ในแนวหน้าของการสู้รบ

 

บีสลีย์กล่าวด้วยว่า วิกฤตดังกล่าวยังถูกซ้ำเติมด้วยการขาดแคลนปุ๋ยที่มาจากเบลารุสและรัสเซีย  เพราะหากไม่ใส่ปุ๋ยให้กับพืชผล ผลผลิตก็จะลดลงราว 50% สิ่งที่เรากำลังจะมองเห็นคือหายนะที่จะเกิดขึ้นบนหายนะอีกอย่างในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

 

บีสลีย์กล่าวว่า ก่อนรัสเซียจะบุกยูเครน WFP ก็ต้องดิ้นรนกับราคาเชื้อเพลิงและราคาอาหารที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงค่าขนส่งที่ทำให้ต้องตัดการปันส่วนอาหารให้กับผู้คนหลายล้านคนในบางสถานที่ อาทิ เยเมน อยู่แล้ว

“หากความขัดแย้งในยูเครนยังไม่ยุติ มีราคาอีกมหาศาลที่โลกจะต้องจ่าย และสิ่งสุดท้ายที่เราต้องการจะทำคือการนำเอาอาหารของเด็กที่อดอยากไปมอบให้กับเด็กที่หิวโหย”บีสลีย์กล่าว

ด้านนายวาซิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำยูเอ็น ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า การกระทำของรัสเซียทำให้ยูเครนเกิดความวุ่นวายจนส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อตลาดอาหารโลก แทนที่จะโทษว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการดำเนินมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก

นางเวนดี้ เชอร์แมน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศสหรัฐ ยืนยันว่า การคว่ำบาตรรัสเซียไม่ได้ทำให้เกิดวิกฤตด้านอาหารในโลก แต่ผู้ที่ต้องรับผิดชอบคือผู้ที่ทำสงครามในยูเครน และผลจากสงครามนั้นได้ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงด้านอาหารของโลก ซึ่งความผิดทั้งหมดอยู่ที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียเพียงคนเดียว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง