2มงกุฎทองคำ มเหสีนโปเลียน สะท้อนฟุ้งเฟ้อ ทำเงินเกินคาด 25 ล้านบาท
2มงกุฎทองคำ หรือ เทียร่าของจักรพรรดินีโจเซฟีน โบนาปาร์ต พระมเหสีพระองค์แรกในจักรพรรดิ นโปเลียน แห่งฝรั่งเศส 2 องค์ ทำเงินในการประมูลได้กว่า 576,000 ปอนด์ หรือเกิน 25.5 ล้านบาท สูงกว่าที่ประเมินไว้
ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า เทียร่า 2 องค์ซึ่งเคยเป็นของจักรพรรดินีโจเซฟีน โบนาปาร์ต อัญเชิญมาประมูลที่บริษัทประมูล โซเธบีส์ สาขากรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันอังคารที่ 7 ธ.ค. หลังจากตกเป็นมรดกของเอกชนมานาน 150 ปี
เทียร่า 2 องค์นี้ขายไปที่ 576,000 ปอนด์หรือประมาณ 25,555,000 บาท ซึ่งมากกว่าราคาสูงสุดที่คาดเอาไว้ที่ 22 ล้านบาท
เทียร่าองค์หนึ่งทำจากทองคำประดับอีนาเมลสีฟ้าและคาร์เนเลียนแดงสด ประดับหินอ่อนแกะสลักเป็นรูปบุคคลสุดคลาสสิค
รัดเกล้าเป็นส่วนหนึ่งของชุดเครื่องประดับซึ่งมีทั้งต่างหูเข้าชุด เข็มขัดและหวี
ส่วนเทียร่าองค์ที่ 2 ทำจากทองคำและอีนาเมล ประดับด้วยหินอะเกตและแร่แจสเปอร์สลักเป็นรูปเทพเจ้ากรีกโบราณ ได้แก่ เทพซูส ราชาแห่งทวยเทพ เทพไดโอนิซัสหรือเทพแห่งการเก็บเกี่ยวผลองุ่น เมดูซา สตรีที่มีผมเป็นงู เทพแพนหรือเทพแห่งทุ่งโล่ง และเทพีไกอา ผู้สร้างโลก
พิพิธภัณฑ์วิกตอเรียแอนด์อัลเบิร์ตในกรุงลอนดอนซึ่งเคยยืมมาจัดแสดงระบุว่าอาจเป็น "ของขวัญจากแคโรไลน์ มูรัต พระขนิษฐาของจักรพรรดินโปเลียน"
จักรพรรดินีหรือรู้จักกันในพระนาม โจเซฟีน เดอ โบอาร์แน หลังจากสมรสกับขุนนาง และ นายพล อเล็กซานเดอร์ เดอ โบอาร์แน พระองค์ทรงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา
จดหมายรักที่จักรพรรดินโปเลียนเทรงเขียนถึงพระองค์เป็นเรื่องราวความรักและพรรณาว่า โจเซฟีนมีเสน่ห์และฉลาดเฉลียว แต่ท้ายที่สุดต้องยกเลิกการแต่งงานเพราะโจเซฟินกับจักพรรดิไม่สามารถสืบทายาทด้วยกันได้
เทียร่าทั้ง 2 องค์เป็นส่วนหนึ่งของชุดเครื่องประดับหรือชุดอัญมณีสมัยศตวรรษที่ 19 ออกแบบสไตล์นีโอคลาสสิกซึ่งเฟื่องฟูในยุคที่จักรพรรดินโปเลียนครองราชย์ แต่หลังจากเกิดความไม่สงบจากการปฏิวัติฝรั่งเศส จักรพรรดิทรงฟื้นธรรมเนียม สไตล์และการออกแบบโรมันเพื่อยึดโยงการปกครองกับเชื้อสายตระกูลเก่าแก่โบราณ
ดังจะเห็นได้จากรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ปรากฏในเทียร่าทั้ง 2 องค์ซึ่งประดับด้วยรูปบุคคลและรูปสลักคลาสสิกและรูปบุคคลโบราณซึ่งจักรพรรดินโปเลียนและจักรพรรดินีโจเซฟีนทรงสวมเป็นประจำ รวมทั้ง มงกุฎในพิธีราชาภิเษกของอดีตกษัตริย์
เมื่อหลายร้อยปีก่อน จักรพรรดิโรมันทรงสวมสัญลักษณ์แห่งอำนาจที่แกะสลักไว้ในอัญมณีเช่นกัน
คริสเตียน สปอฟฟอร์ธ ผู้ดูแลแผนกอัญมณีของโซเธบีในกรุงลอนดอน กล่าวว่าจักรพรรดินีโจเซฟีนเป็นมากกว่านักสะสมของโบราณเพราะพระองค์ทรงเป็นคนแรกที่ผสมผสานความงามด้วยการนำจี้ขนาดเล็กและรูปแกะสลักมาประดับฉลองพระองค์และสวมเครื่องประดับไข่มุกและเพชร จึงเป็นผู้นำแฟชั่นในกรุงปารีสและทั่วโลกแบบนีโอคลาสสิก
แม้ว่าโจเซฟีนเป็นจักรพรรดินีเป็นผู้นำด้านแฟชัน แต่ภูมิหลังไม่ค่อยดีนักเพราะเป็นบุตรสาวคนโตของครอบครัวชนชั้นสูงฝรั่งเศสที่เป็นเจ้าของไร่อ้อยและสูญเสียความมั่งคั่งบนเกาะอาณานิคมมาร์ตินิก เธอแต่งงานกับกับเดอโบฮาร์เนส์ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น แต่แยกทางกับสามี หลังจากมีบุตรด้วยกัน 2 คนและชีวิตคู่ไม่มีความสุขนัก
ต่อมา สามีถูกประหารชีวิตด้วยกิโยตินระหว่างการปฏิวัติ ส่วนเธอถูกจำคุกด้วย แต่หลบหนีนออกมาได้และไต่เต้าในแวดวงสังคมจนกระทั่งพบกับนายทหารหนุ่มซึ่งต่อมาแต่งตั้งเธอเป็นจักรพรรดินี
อุตสาหกรรมอัญมณีได้รับผลกระทบจากความปั่นป่วนทางการเมือง ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและการต่อต้านสินค้าฟุ่มเฟือยซึ่งเป็นชนวนให้เกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสและผลอื่นๆ ตามมา
สำหรับพระนางโจเซฟีน แทนที่จะส่งเสริมความพอเพียงให้แตกต่างจาก มารี อ็องตัวแน็ต พระมเหสีของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 พระนางกลับใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไม่แพ้กัน
สถาบันโซเธบีส์ระบุว่าภายในเวลาเพียง 6 ปี ทรงใช้เงินกว่า 25 ล้านฟรังก์ไปกับอัญมณีและฉลองพระองค์ซึ่งมากกว่าที่พระองค์กำหนดค่าใช้จ่ายเอาไว้มาก
ด้านสปอฟฟอร์ดระบุว่า อัญมณีมักถูกถอดและเปลี่ยนโฉมใหม่ตามรสนิยมที่เปลี่ยนไปทำให้เครื่องประดับศีรษะทั้ง 2 ชิ้นนี้มี “ความพิเศษอย่างยิ่ง