รีเซต

ตลาดแตก หนุ่มหว่านเงินแสน แย่งอลหม่าน บางรายได้ถึง 5 พัน แม่รู้เข่าทรุด แจ้ง ตร.ขอให้เอามาคืน

ตลาดแตก หนุ่มหว่านเงินแสน แย่งอลหม่าน บางรายได้ถึง 5 พัน แม่รู้เข่าทรุด แจ้ง ตร.ขอให้เอามาคืน
ข่าวสด
7 พฤษภาคม 2565 ( 17:03 )
63
ตลาดแตก หนุ่มหว่านเงินแสน แย่งอลหม่าน บางรายได้ถึง 5 พัน แม่รู้เข่าทรุด แจ้ง ตร.ขอให้เอามาคืน

ตลาดแตก หนุ่มหว่านเงินแสน แย่งอลหม่าน บางรายได้ถึง 5 พัน แม่รู้เข่าทรุด แจ้ง ตร.ขอให้เอามาคืน ฮึ่มใครได้ไป มีความผิดเข้าข่ายลักทรัพย์ต้องคืน

 

วันที่ 7 พ.ค.65 นางสมหวัง (สงวนนามสกุล) อายุ 70 ปี อยู่เลขที่ 7/4 หมู่ 2 ต.สะแก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.นิธิวัฒน์ คำนนท์ สารวัตร(สอบสวน)สภ.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เพื่อให้ช่วยติดตามเงินสดที่หายไปจำนวน 100,000 บาท ในตลาดสดเทศบาลสตึก อ.สตึก

 

นางสมหวัง ให้การว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.ของวันนี้ มีเพื่อนบ้านซึ่งเป็นแม่ค้าในตลาดสด โทรแจ้งว่า นายวุฒิศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ลูกชายของตัวเอง เอาเงินสดเป็นธนบัตรฉบับละ 100,500 และ 1,000 เอาไปโปรยหว่านบริเวณหน้าตลาดสดเทศบาลสตึก และหน้าร้านสะดวกซื้อ มีผู้คนแย่งกันเก็บเงินเป็นจำนวนมาก

 

ตรวจสอบบริเวณตลาดสดเทศบาลสตึก แม่ค้าในตลาดสด เล่าว่า ช่วงนั้นเวลาประมาณ 03.00 น. เห็นชาวบ้านที่มาซื้อของแตกตื่นอลหม่าน เหมือนแย่งสิ่งของกัน จากนั้นหนุ่มคนหนึ่งเดินไปตามแผงขายของ แล้วเอาเงินสดแจกแบบไม่อั้น ประมาณ 10 นาที ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากตลาดสดไป ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร คิดว่ามีคนถูกหวยแล้วใจดี

 

น.ส.สุคนทา ทมดำรง อายุ 63 ปี แม่ค้าในตลาดสด บอกว่า เห็นภาพเหตุการณ์แล้วน่าตกใจ เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน ที่จะมีคนเอาเงินมาโปรยทานโดยไม่มีเหตุผล แต่ละคนได้เงินไปตั้งแต่ 2,000-5,000 บาท เพิ่งมาทราบว่าเป็นเงินที่แอบกดเงินของแม่มา ถึงตอนนี้ยังงง

 

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านนางสมหวัง พบเป็นบ้านปูนชั้นเดียว โดยนางสมหวัง เอาธูปมาจุดต่อหน้าศาลพระภูมิ ว่าขอให้เงินที่หายไปจำนวน 100,000 บาท ได้กลับคืนมา

 

นางสมหวัง เล่าว่า ลูกชาย เป็นลูกที่ตนเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็ก เป็นคนชอบเปย์ และชอบดื่มเหล้า เมื่อเดือนธันวาคม 64 สามีเสียชีวิต ได้เงินฌาปนกิจศพประมาณ 250,000 จึงเอาไปฝากไว้ธนาคาร บวกกับเงินเก็บรวมเป็นเงินอยู่ในบัญชีกว่า 300,000 บาท หวังจะเก็บไว้ให้ลูกคนนี้ไว้เป็นทุนค้าขาย

 

หลังจากทราบข่าวจากเพื่อนบ้าน รีบไปแจ้งความทันที ซึ่งตำรวจได้ทำการสอบสวน ก่อนจะขออายัดบัตรเอทีเอ็ม พบว่าเงินถูกกดไปจำนวนเงิน 100,000 บาท ยังค้างบัญชีอีกประมาณ 2 แสนเศษ หลังแจ้งความมีผู้ที่เก็บเงินได้ เอาเงินมาคืนกับตำรวจแล้ว 1,000 บาท รู้สึกเสียใจที่ลูกชายมาทำแบบนี้ ทั้งๆที่เงินจำนวนดังกล่าว ตนจะเก็บไว้ให้ เพราะอยู่กันแค่สองคน เมื่อตนตายไปเขาก็จะได้อยู่ดี

อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.วชิรวิทย์ วรรณธานี ผกก.สภ.สตึก อ.สตึก ออกมาแจ้งเตือนผู้ที่เก็บเงินดังกล่าวได้ ให้เอามาคืนที่ สภ.สตึก เพราะเข้าข่ายลักทรัพย์ หากพบว่าใครเอาไปแล้วไม่เอามาคืนก็จะมีความผิดตามกฎหมาย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง