ดร.สนธิ แนะเร่งแก้ปัญหา สารหนูในเปื้อนแม่น้ำกก ก่อนกระทบระบบนิเวศและห่วงโซ่อาหาร

นายสนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์เฟซบุ๊ก นำเสนอแนวทางแก้ปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก และแม่น้ำสาย โดยระบุว่า มาตรการเร่งด่วนที่ควรทำเพื่อแก้ไขปัญหาสารหนูในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ซึ่งผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำโดยกรมควบคุมมลพิษ 3 ครั้ง พบว่าคุณภาพน้ำบริเวณที่ติดกับพรมแดนของเมียนมา ทั้งแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย จะมีค่าความขุ่นสูงตลอดเส้นน้ำและโลหะหนักโดยเฉพาสารหนูมีค่าสูงเกินค่ามาตรฐาน ซึ่งเป็นพารามิเตอร์ที่สะท้อนถึงกิจกรรมการทำเหมืองอย่างชัดเจน และค่าสารหนูที่พบในแม่น้ำโขง สันนิษฐานว่าอาจจะได้รับผลกระทบมาจากแม่น้ำสายที่มาบรรจบกับแม่น้ำรวก และไหลลงสู่แม่น้ำโขง
กลไกลที่ต้องรีบจัดการเพื่อแก้ไขปัญหาโดยด่วน ประเทศไทยต้องนำเสนอเรื่องนี้เป็นวาระเร่งด่วนในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งจัดขึ้นทุกๆ 2 ปี โดยช่วงนี้จะต้องนำเสนอเป็นวาระเร่งด่วนต่อคณะทำงานที่ตั้งขึ้นจากการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน ซึ่งมีทั้งหมด 7 คณะโดยเสนอในคณะที่ 5 คือคณะทำงานอาเซียนด้านการจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อหาทางออก ซึ่งอย่างน้อยนำไปสู่ความร่วมมือตั้งคณะทำงานของอาเซียนในการเข้าไปตรวจสอบการทำเหมืองแร่ในรัฐฉานของประเทศเมียนมา ว่าดำเนินการอย่างถูกหลักสากลหรือไม่, มีการปล่อยน้ำเสียลงแม่ น้ำกกและแม่น้ำสายหรือไม่ นำไปสู่การแก้ไขต่อไป
ขณะที่ กรมควบคุมมลพิษ ควรจัดประชุมระดมความเห็นจากทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงาน ราชการ นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาทางออกร่วมกัน และนำเสนอต่อคณะกรรมการควบคุมมลพิษเพื่อกำหนดแผนออกมาทั้ง master plans และ Action plans ในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวด ล้อมแห่งชาติ สรุปนำเสนอต่อ ครม.โดยขั้นตอนนี้จะต้องดำเนินการโดยเร็ว
ส่วนมาตรการเร่งด่วน ใช้เวทีความร่วมมืออาเซียนชี้ให้เห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากมลพิษข้ามแดนให้เป็นที่ประจักษ์นำไปสู่การตรวจสอบโดยประเทศในอาเซียน เพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป อาจจะต้องเร่งสร้างฝายชะลอน้ำดักตะกอนในบางพื้นที่ของแม่น้ำกกและแม่น้ำสายก่อน เพื่อลดผลกระทบจากตะกอนและน้ำที่ปนเปื้อนสารหนู ก่อนที่จะเกิดการแพร่กระจายไปในระบบนิเวศวิทยาและห่วงโซ่อาหารต่อไป ซึ่งทำให้การแก้ไขได้ยากยิ่งขึ้น ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติโดยผู้ว่าราชการจังหวัด หรือประกาศเป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อนำงบประมาณบางส่วน มาใช้ในการคุ้มครองประชาชน ซึ่งมาตรการสามารถจัดระเบียบการใช้ที่ดินในพื้นที่, ห้ามก่อสร้างกิจกรรมบางประเภท และกำหนดมาตรการคุ้มครองสุขภาพของประชาชน รวมทั้งกำหนดมาตรการฟื้น ฟูแหล่งน้ำในอนาคต