รีเซต

ชาวบางระจันร้อง "สายไหมต้องรอด" คดีไม่คืบ ปมถูกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านกับพวกรุมทำร้ายจนตาบอด

ชาวบางระจันร้อง "สายไหมต้องรอด" คดีไม่คืบ ปมถูกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านกับพวกรุมทำร้ายจนตาบอด
มติชน
22 พฤศจิกายน 2565 ( 11:13 )
37
ชาวบางระจันร้อง "สายไหมต้องรอด" คดีไม่คืบ ปมถูกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านกับพวกรุมทำร้ายจนตาบอด

นายประเจิด  อายุ 57 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 8 (หมู่บ้านบางคณฑี) ตำบลสิงห์ อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี เดินทางเข้าร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจาก นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจ “สายไหมต้องรอด” กรณีถูกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านกับพวกรุมทำร้ายร่างกาย ทุบตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ตาขวาบอดสนิท แขนซ้ายหัก 2 ท่อน ฐานกะโหลกแตก ผ่านมาเกือบ 6 เดือน คดียังไม่มีความคืบหน้า

 

ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ไปยัง หมู่บ้านบางคณฑี เป็นถนนเข้าหมู่บ้าน เพื่อตรวจสอบความคืบหน้า แต่ไม่พบ นายประเจิด บ้านถูกปิดเงียบ ผู้สื่อข่าวได้พบกับ นายอนันต์ (พี่ภรรยาของนายประเจิด) อายุ 61 ปี และ นางชฎาพร (น้องสาวของนายอนันต์ ) อายุ 51 ปี ญาติของ นายประเจิด ซึ่งอยู่บ้านใกล้เคียง โดย นายอนันต์ เล่าว่า นายประเจิด โดนทำร้ายร่างกาย เมื่อเวลา 19.00 น.ของวันที่ 13 มิถุนายน 2565 ผ่านมาเกือบ 6 เดือนแล้ว แต่คดีเงียบ ผู้ทำร้ายคือ นายสมชาย  และ นายพรชัย  2 พ่อลูก โดย นายพรชัย  มีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 8 ตำบลสิงห์ อำเภอบางระจัน

 

ด้าน นางชฎาพร  เล่าว่าพี่สาวของตนคือ นางพนอ ซึ่งเป็น ภรรยาของ นายประเจิด ระยะหลังๆ นายประเจิดฯชอบต่อว่า ดุด่าพี่สาวตน และชอบมีปากเสียงอยู่บ่อยครั้ง และนายประเจิด เวลาเมาก็ชอบด่าไปทั่ว จนต่อมาได้ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อทางบ้านได้สอบถามความคืบหน้ากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรบางระจัน พนักงานสอบสวนที่รับแจ้งความชื่อ ร.ต.อ.ภูริวัช พิลึก ได้แจ้งว่าให้รอก่อน ตนเองและครอบครัวก็ร้อนใจว่าคดีไปถึงไหนแล้ว ทำไมมันเงียบไป ส่วนคู่กรณีก็เป็นญาติๆ กัน อยู่หมู่บ้านเดียวกันสำหรับสาเหตุที่ทำให้ นายประเจิดถูกทำร้าย ญาติๆ ไม่มีใครทราบจริงๆ

 

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของ นายสมชาย และ นายพรชัย โดยนายสมชาย กล่าวว่า นายประเจิด มาหาเรื่องพวกตนโดยการด่าท้าทายตรงบริเวณปากทางเข้าบ้าน และมีอาการเมาสุรา โดย นายสมชาย เล่าต่อว่า นายประเจิด มาด่าหาเรื่อง 3 ครั้งแล้ว มีคืนวันที่ 5 มิ.ย. 65 วันที่ 10 มิ.ย.65 และวันที่ 13 มิ.ย.65 ซึ่งเป็นวันเกิดเรื่อง ตนทนไม่ไหวเพราะด่าถึงโคตรเง่าเหล่ากอ ตนจึงเดินไปหน้าบ้านถาม นายประเจิด ว่าด่าตนเพราะอะไร ต่อจากนั้นก็มีการถกเถียงกันชุลมุน นายประเจิด ได้หยิบอาวุธมีดที่อยู่หน้ารถออกมา และใช้ปลอกมีดขว้างมา แต่ตนใช้มือปัดปลอกมีดไปได้ หลังจากนั้น นายประเจิด ก็วิ่งมาไล่ฟัน ตนจึงหยิบไม้ข้างทางฟาด นายประเจิดไป 3 ครั้ง จน นายพรชัย ลูกชายได้เข้ามาห้าม ส่วนสาเหตุที่เกิดเรื่อง นายสมชาย คิดว่า นายประเจิด น่าจะมีอาการหลอน เพราะกล่าวหาว่าตนไปว่า นายประเจิด ดูดม้า ทั้งที่ตนไม่เคยคุยกับ นายประเจิด เลย

ด้าน นายพรชัย ลูกชาย นายสมชาย ได้เล่าให้ฟังว่าวันเกิดเหตุนั้น นายประเจิด มาด่ากราดคนในบ้าน โดยจอดรถไว้ที่ริมถนนก่อนทางเข้าบ้าน ได้ตะโกนท้าพ่อ ด่าพ่อ บอกว่า มึงแน่จริง มึงออกมาเลย พ่อเลยออกไปเพื่อไปถามว่าที่มันมาด่าเนี่ยเราไปทำอะไรให้มัน จากนั้นตนก็เดินเข้าไปในบ้าน ซักพักได้ยินเสียงคนตีกันตรงถนนหน้าบ้าน จึงจะเข้าไปห้าม แต่ นายประเจิด ใช้มีดแทงมาที่ท้องแต่ตนหลบทัน และใช้มีดฟันตรงต้นขาตน ตนจึงใช้เท้าถีบ นายประเจิด จนล้ม แล้ว นายประเจิด ก็หนีไป โดยทิ้งรถ จยย.ไว้ และตนจึงได้โทรแจ้งผู้ใหญ่บ้านและเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ส่วนนายวิโรจน์รัตน์ ชัยสิทธิ์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.8 ต.สิงห์ อ.บางระจัน เล่าว่า ได้รับแจ้งเหตุจากผู้ช่วยฯ ก็ได้รีบมา แต่พอมาถึงก็ไม่เจอคู่กรณีแล้ว ส่วนสาเหตุที่มีเรื่องกันน่าจะเป็นเพราะ นายประเจิด มีพฤติกรรมที่ชอบเมาแล้วระแวงชอบด่าคนอื่นไปทั่ว

ผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถาม ร.ต.อ.ภูริวัช พิลึก พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบางระจัน ว่าคดีนี้เป็นอย่างไร ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เล่าว่าวันเกิดเหตุ นายประเจิด ได้มาแจ้งความว่า ขณะขี่รถ จยย. มาตามถนนจนผ่านหน้าบ้าน นายสมชาย กับ นายพรชัย แล้วถูกดักเอาไม้ตีหัว พอเขาจอดรถก็เอาไม้ตีซ้ำเขาอีกจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนสาเหตุสอบถามพยานทราบว่า ทั้งสองฝ่ายเคยมีเรื่องกันมาก่อน ในส่วนของความล่าช้านั้นเป็นเพราะห้วงเวลาเรื่องของการรักษา และดูว่าอาการสาหัสขนาดไหน และต้องรอใบรับรองแพทย์ ตอนเกิดเรื่องฝ่ายสืบสวน และฝ่ายสอบสวนทำงานหาข่าวและพยานกันตลอด และยังมีการประชุมกันคุยกันเรื่องฐานความผิดในข้อหาพยายามฆ่าหรือการทำร้ายสาหัส ถ้าเป็นการทำร้ายสาหัสก็ต้องรอใบรับรองแพทย์ และต้องรอดูอาการว่าเขาให้พักกี่วัน ตาที่บาดเจ็บในตอนแรกของ นายประเจิด จะบอดไหม ที่ช้าก็เพราะเรื่องของทุพลภาพในส่วนของสำนวนทำตั้งแต่ต้น และสอบปากคำผู้กล่าวหา พยาน ไว้เรียบร้อยแล้ว และในขณะนี้ได้แจ้งข้อหาผู้กระทำผิดในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าเพราะพฤติการณ์ของผู้ต้องหาที่ทำนั้นสามารถเล็งเห็นผลได้ แต่เบื้องต้นผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธ ก็ต้องรวบรวมสำนวนส่งอัยการเพื่อดำเนินคดีต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง