มท. ผนึก คลัง ขับเคลื่อน "โครงการคนละครึ่ง" ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ช่วยประชาชนลดค่าใช้จ่าย
มท.ประชุมร่วมคลัง ขับเคลื่อน "โครงการคนละครึ่ง" รักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก ช่วยประชาชนลดค่าใช้จ่าย
เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมเพื่อชี้แจงรายละเอียดโครงการคนละครึ่งผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (VCS) ร่วมกับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง โดยมีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ร่วมประชุม
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจฐานรากที่ส่งผลกระทบกับประชาชนในระดับพื้นที่ ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความเห็นชอบ “โครงการคนละครึ่ง” มีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจระดับฐานราก ช่วยให้ภาคประชาชนลดค่าใช้จ่ายของตนเอง ทั้งค่าอาหารและเครื่องดื่มและอื่นๆ รวมทั้งผู้ประกอบการ/ร้านค้ารายย่อย ร้านค้าทั่วไป
เช่น หาบเร่แผงลอย ร้านโชว์ห่วย เป็นต้น ที่ไม่ใช่นิติบุคคลและร้านสะดวกซื้อที่เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือประชาชนฐานรากอย่างแท้จริง จึงขอให้ผู้ว่าฯ นายอำเภอ ปลัดอำเภอในพื้นที่ได้ร่วมกันทำงานกับกระทรวงการคลังเพื่อให้โครงการสำเร็จตามเป้าหมาย
ด้านนายอาคม กล่าวว่า ครม.มีมติเมื่อวันที่ 29 ก.ย. เห็นชอบและอนุมัติ “โครงการคนละครึ่ง” ของกระทรวงการคลัง ซึ่งโครงการดังกล่าวจะช่วยเหลือดูแลพ่อค้าแม่ค้าขนาดเล็กที่ประกอบกิจการขายสินค้าหาบเร่แผงลอยที่เป็นบุคคลธรรมดา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปี (เดือนต.ค.-ธ.ค.) ลดค่าใช้จ่ายของประชาชน โดยที่รัฐบาลจะออกค่าใช้จ่ายให้ครึ่งหนึ่ง
ขณะที่ น.ส.กาญจนา ตั้งปกรณ์ ผู้แทนสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า โครงการคนละครึ่ง เป็นหนึ่งในมาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ครอบคลุม 76 จังหวัดและกรุงเทพฯ โดยกลุ่มประเภทร้านค้าเป็นผู้ประกอบการรายย่อย ร้านค้าทั่วไป ร้านค้าของบุคคลธรรมดา หาบเร่ แผงลอย ที่ไม่ใช่นิติบุคคลและไม่ใช่ธุรกิจแฟรนไชส์ (ไม่รวมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกฮอล์และการบริการ) ด้วยการชำระเงินผ่าน G-Wallet แอพพลิเคชั่น "ถุงเงิน" โดยประชาชนจะชำระเงินร้อยละ 50 และภาครัฐจะชำระอีกร้อยละ 50 วันละไม่เกิน 150 บาท/คน รวมไม่เกินคนละ 3,000 บาท ตลอดโครงการ โดยผู้ประกอบการจะได้รับเงินคืนในวันรุ่งขึ้น
น.ส.กาญจนา กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ในขั้นตอนการลงทะเบียนร้านค้า และการตรวจสอบร้านค้า เพื่อให้เกิดความสะดวกและรวดเร็ว ในการลงทะเบียนร้านค้าให้มากยิ่งขึ้น จึงขอความร่วมมือกระทรวงมหาดไทยลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์เชิญชวนร้านค้าเข้าร่วมโครงการ และรับรองผู้ประกอบการร้านค้า ตามที่กำหนด เพื่ออำนวยความสะดวก และความรวดเร็ว ของการลงทะเบียนร้านค้า ในโครงการคนละครึ่ง ต่อไป
ขณะที่ นายธนาคม จงจิระ อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า ขอให้นายอำเภอ และปลัดอำเภอประจำตำบล เร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ผ่านกลไกช่องทางการสื่อสารทั้งหอกระจายข่าวและการประชุมทุกระดับ รวมทั้งให้ความช่วยเหลือ คำแนะนำ และอำนวยความสะดวกผู้ประกอบการในการเข้าร่วมโครงการ โดยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต้องเป็นผู้ยืนยันสถานะร้านค้าและผู้ประกอบการในพื้นที่ นอกจากนี้ ต้องสนับสนุนและอำนวยความสะดวก ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในพื้นที่ จัดชุดเคลื่อนที่เชิงรุกเข้าไปในพื้นที่ในแต่ละตำบลเพื่อรับสมัครผู้ประกอบการร้านค้าเข้าร่วมโครงการ