รีเซต

เช็กเลยที่นี่! ครม.เคาะมาตรการ "ลดค่าครองชีพ" รอบใหม่ 3 เดือน ถึงก.ย.นี้

เช็กเลยที่นี่! ครม.เคาะมาตรการ "ลดค่าครองชีพ" รอบใหม่ 3 เดือน ถึงก.ย.นี้
TNN ช่อง16
21 มิถุนายน 2565 ( 14:57 )
140

วันนี้( 21 มิ.ย.65) ความคืบหน้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานล่าสุด ที่ประชุมเห็นชอบมาตรการลดค่าครองชีพรอบใหม่ เป็นเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2565 เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน มีทั้งมาตรการใหม่ และมาตรการเดิมที่สิ้นสุดอายุลงในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2565

สำหรับมาตการลดค่าครองชีพได้แก่

-ตรึงราคาขายปลีกก๊าซ NGV ที่ 15.59 บาท/กก. 

-การคงราคาขายปลีกก๊าซ NGV ให้กับผู้ขับขี่รถแท็กซี่ ที่เข้าร่วมโครงการ ที่ 13.62 บาท/กก. ต่อไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย. ถึงวันที่ 15 ก.ย. 65

-การกำหนดราคาขายปลีกก๊าซ LPG  408 บาท ต่อถัง 15 กก. เป็นเวลา 3 เดือนตั้งแต่ ก.ค.-ก.ย.65 

-ขยายเวลาช่วยเหลือส่วนลดราคาก๊าซ LPG แก่ร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่เกิน 100 บาท/ราย/เดือน ออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย. 65

-ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มแก่ผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 3 เดือน 

-ลดราคาน้ำมันดีเซล 50% ในส่วนราคาขายสูงกว่า 35 บาท/ลิตร ออกไปอีก 3 เดือน 

-คงค่าการตลาดน้ำมันดีเซลไม่เกิน 1.40 บาท/ลิตร

-ขอความร่วมมือโรงกลั่นน้ำมัน นำส่งกำไรจากค่าการกลั่นส่วนหนึ่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อลดภาระราคาค่าน้ำมันให้กับประชาชน ทั้งดีเซลและเบนซิน ในช่วง 3 เดือน ก.ค.-ก.ย.65 ซึ่งต้องขอบคุณสถานประกอบการที่ให้ความร่วมมือในเรื่องนี้

-เห็นชอบมาตรการภาษีกระตุ้นการท่องเที่ยวโดยให้บริษัทเอกชนที่เป็นนิติบุคคล จัดงานสัมมนา รวมถึงงานอีเวนท์ต่างๆ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ สามารถนำค่าใช้จ่ายไปลดหย่อนภาษีได้ โดยในเมืองหลัก 1.5 เท่า และจังหวัดเมืองรอง 2 เท่า เป็นระยะเวลา 6 เดือน

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี คาดว่า สถานการณ์ด้านพลังงานจะไม่สิ้นสุดในระยะเวลาอันใกล้ โดยได้ให้ประชุมหารือเตรียมการรับตามสมมติฐาน ในกรณีที่สถานการณ์ยืดเยื้อออกไป ทั้งมิติพลังงานและอาหารที่ต้องวางแผนระยะยาว พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลจะหาแนวทางช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยบนพื้นฐานวินัยการเงินการคลังที่มีความสมดุล ที่จะไม่ให้เกิดภาระในอนาคตมากเกินไป





ภาพจาก AFP/พีอาร์ OR

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง