วิจัยพบเชื้อโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ในอังกฤษ แพร่ระบาดรวดเร็วในสหรัฐฯ
วอชิงตัน, 9 ก.พ. (ซินหัว) -- สื่อท้องถิ่นสหรัฐฯ อ้างผลการศึกษาฉบับใหม่ รายงานว่าเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ก่อโรคโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ ซึ่งตรวจพบครั้งแรกในสหราชอาณาจักร กำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วทั่วสหรัฐฯ
เมื่อวันอาทิตย์ (7 ก.พ.) สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่าแม้ขณะนี้เชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ดังกล่าวจะแพร่ระบาดทั่วประเทศใน "อัตราความถี่ค่อนข้างต่ำ" แต่ผลการศึกษาชี้ว่า "จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าทุกสัปดาห์ครึ่ง ซึ่งคล้ายกับที่ตรวจพบในประเทศอื่นๆ"
รายงานระบุว่าผู้ป่วยโรคโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์หลายรายในสหรัฐฯ ไม่มีประวัติเดินทางระหว่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งบ่งชี้ว่า "สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 สายพันธุ์บี.1.1.7. (B.1.1.7.) ในระดับชุมชนอย่างมีนัยสำคัญ"
นอกจากนั้นผลการศึกษายังคาดการณ์ว่าเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์ดังกล่าวสามารถแพร่กระจายได้มากกว่าสายพันธุ์ที่ปรากฏในประเทศก่อนหน้านี้สูงถึงร้อยละ 35-45
ผลการศึกษาที่ยังไม่ได้รับการพิจารณาทบทวนโดยคณะผู้เชี่ยวชาญฉบับนี้ถูกเผยแพร่บนเมดอาร์เอ็กซ์ไอวี (MedRxiv) เว็บไซต์เผยแพร่เอกสารวิทยาศาสตร์สุขภาพที่ยังไม่ได้รับการตีพิมพ์อย่างเป็นทางการ และร่วมเขียนโดยคณะนักวิจัยจากเฮลิกซ์ (Helix) บริษัทด้านพันธุศาสตร์ประชากรในสหรัฐฯ และอีกหลายสถาบัน
เจมส์ ลู่ ประธานและผู้ร่วมก่อตั้งเฮลิกซ์ ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็เอ็นเมื่อสัปดาห์ก่อนว่ายังไม่มีความชัดเจนว่าการฉีดวัคซีนในประเทศจะช่วยป้องกันโรคโควิด-19 สายพันธุ์ดังกล่าว "ไม่ให้แพร่ระบาดในสถานที่ที่ยังไม่ตรวจพบการแพร่ระบาดได้หรือไม่"
ทั้งนี้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) รายงานการตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 สายพันธุ์บี.1.1.7. รวม 690 รายใน 33 รัฐทั่วประเทศ เมื่อนับถึงวันอาทิตย์ (7 ก.พ.) ซึ่งครองสัดส่วนขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับผู้ติดเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์อื่นๆ ในสหรัฐฯ