ไบเดนช่วยยูเครนรัวๆ ส่งยุทโธปกรณ์-อาวุธหนัก 2.7 หมื่นล้านเสริมทัพสู้รัสเซีย
ไบเดนช่วยยูเครนรัวๆ - วันที่ 14 เม.ย. เอเอฟพีและ บีบีซี รายงานความคืบหน้าสถานการณ์ความไม่สงบจากกรณีกองกำลังรัสเซียรุกรานยูเครนซึ่งยืดเยื้อมากว่า 7 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา แถลงให้เงินช่วยเหลือทางการทหารมูลค่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 27,000 ล้านบาทแก่ยูเครนเพื่อรับมือรัสเซียที่ยังโจมตีพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครนอย่างต่อเนื่อง
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากกองทัพรัสเซียข่มขู่ว่าจะถล่มศูนย์บัญชาการของยูเครนในกรุงเคียฟ หากกองทัพยูเครนยังไม่หยุดโจมตีในพื้นที่ซึ่งเป็นอาณาเขตของรัสเซีย
กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุในแถลงการณ์ว่า “เราเห็นความพยายามของกองกำลังยูเครนในการก่อวินาศกรรมและโจมตีดินแดนรัสเซีย หากกรณีดังกล่าวยังดำเนินต่อไปกองทัพรัสเซียจะโจมตีศูนย์บัญชาการซึ่งรวมถึงในกรุงเคียฟด้วย”
คำเตือนจากกองทัพรัสเซียจุดชนวนให้เกิดความตื่นตระหนกในเมืองหลวงเพราะเกรงว่ารัสเซียหวนพุ่งเป้าเตรียมบุกรุกกรุงเคียฟอีกครั้ง แม้ก่อนหน้านี้ล้มเหลวจนต้องถอนกำลังออกจากพื้นที่รอบนอกกรุงเคียฟและเปลี่ยนความสนใจไปทำศึกในพื้นที่ตอนใต้และตะวันออกก็ตาม
ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวย้ำว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยูเครน ขณะที่ฝ่ายรัสเซียยังยืนกรานปฏิเสธข้อครหาและว่าเป็นการกล่าวโทษที่ไม่อาจยอมรับได้ ด้านนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดของแคนาดา แสดงจุดยืนสนับสนุนนายไบเดน
แต่รัฐบาลฝรั่งเศสและเยอรมนีปฏิเสธที่จะร่วมประณาม ส่งผลให้ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ไม่พอใจและตำหนิพฤติกรรมของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ว่าทำให้ยูเครนเจ็บปวดมาก
สำหรับยุทโธปกรณ์ชุดใหม่ที่สหรัฐจะจัดส่งไปให้ยูเครน ครอบคลุมถึงรถหุ้มเกราะ เฮลิคอปเตอร์ และอาวุธหนักบางส่วนที่ทางการสหรัฐเคยปฏิเสธเพราะเกรงว่าจะทำให้ความขัดแย้งกับรัสเซียยิ่งตึงเครียด
แต่ด้วยพฤติกรรมของรัสเซียที่ไม่ยอมยุติศึกสหรัฐจึงตัดสินใจส่งอาวุธหนักสนับสนุนยูเครน นอกจากนี้นายไบเดนยังต่อสายตรงหารือกับนายเซเลนสกีเป็นเวลานานราว 1 ชั่วโมง โดยให้คำมั่นว่าจะเสริมขีดความสามารถในการป้องกันตัวเองให้กับยูเครน
ด้านศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เปิดเผยกับสื่อว่ายูเครนกลายเป็นประเทศจุดเกิดเหตุอาชญากรรม นายคาริม ข่าน อัยการสูงสุดประจำศาลไอซีซี กล่าวระหว่างเยือนเมืองบูชา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงเคียฟ หนึ่งในพื้นที่โศกนาฏกรรมรัสเซียสังหารหมู่
โดยย้ำถึงเหตุผลที่เดินทางมายังเมืองบูชาว่ามีเหตุอันควรเชื่อว่าที่นี่เกิดอาชญากรรมที่อยู่ในอำนาจศาลในการดำเนินคดี ซึ่งจากรายงานอย่างไม่เป็นทางการพบว่ามีพลเรือนถูกทหารรัสเซียฆ่ามากกว่า 400 ราย และเหยื่ออย่างน้อย 25 คนถูกข่มขืน
วันเดียวกัน กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงอีกว่าเรือลาดตระเวนติดตั้งระบบขีปนาวุธมอสกวาของกองทัพรัสเซียได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการระเบิดและไฟไหม้ลุกลามขณะปฏิบัติหน้าที่ในทะเลดำ เบื้องต้นลูกเรืออพยพออกมาได้อย่างปลอดภัย และสาเหตุยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ