รีเซต

'4 เทคนิค' อยู่บ้าน หยุด 'ไวรัสโควิด-19' อยู่หมัด!

'4 เทคนิค' อยู่บ้าน หยุด 'ไวรัสโควิด-19' อยู่หมัด!
มติชน
13 เมษายน 2563 ( 07:00 )
72
'4 เทคนิค' อยู่บ้าน หยุด 'ไวรัสโควิด-19' อยู่หมัด!

 

ในสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด-19 (COVID-19) ของประเทศไทยขณะนี้ แนวทางสำคัญที่จะสามารถหยุดการแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว นั่นคือ การหยุดกิจกรรม และอยู่กับบ้าน ไม่มีการเคลื่อนย้าย ไม่มีการเดินทางไปมาหาสู่กันหรือหากจำเป็นก็ให้น้อยที่สุด แต่การ “หยุดอยู่บ้าน” ตามที่ภาครัฐรณรงค์ให้ประชาชนปฏิบัติตามนั้น หากไม่ระมัดระวัง ป้องกันให้ดี ก็ใช่ว่าจะรอดพ้นจากเชื้อโรคภัยนี้ได้

 

ทั้งนี้ ล่าสุด “นพ.กิตต์กวี โพธิ์โน” ผู้อำนวยการโรงพยาบาล (รพ.) จิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ จ.นครราชสีมา กล่าวว่า การหยุดอยู่บ้าน คือ การลดความเสี่ยงแพร่กระจายเชื้อ และความเสี่ยงการสัมผัสเชื้อไวรัสชนิดนี้ เนื่องจากโควิด-19 เป็นโรคติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจ ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ติดต่อกันง่ายทางการไอจาม โดยเชื้อจะอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย ละอองเสมหะของผู้ป่วยโดยตรง หรือติดต่อกันโดยการสัมผัสกับสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ที่มีเชื้อปนเปื้อน แล้วนำมือมาสัมผัสที่ใบหน้าหรือหยิบอาหารเข้าปาก ก็ทำให้ติดเชื้อได้เช่นกัน

 

นพ.กิตต์กวี กล่าวว่า สำหรับวิธีการอยู่บ้าน ซึ่งจะให้ผลดีต่อประสิทธิภาพการควบคุมป้องกันโรค มีข้อแนะนำให้ทุกครอบครัวใช้เทคนิคปฏิบัติ 4 ประการ ตามแนวทางของกรมสุขภาพจิต ดังนี้

 

 

1.ทุกบ้านควรจัดทำกฎกติกาของบ้าน สำหรับใช้เป็นข้อตกลงร่วมเพื่อให้สมาชิกในครอบครัวทุกคนปฏิบัติไปในแนวทางเดียวกัน เช่น การล้างมือฟอกสบู่เหลวหรือสบู่ก้อนบ่อยๆ, ลดการออกนอกบ้าน, อยู่ห่างกันอย่างน้อย 2 เมตร หากสมาชิกคนใดไม่ทำตามกฎของบ้าน จะต้องกล้าบอกความจริงแก่ครอบครัว โดยต้องไม่มีการกล่าวโทษหรือซ้ำเติมกัน เพื่อให้ครอบครัวเป็นสถานที่พักพิงที่อบอุ่นใจ

 

2.ปรับวิธีการสื่อสาร เพื่อแสดงความรัก ความห่วงใย ให้กำลังใจแก่กันและกัน ในรูปแบบของการบอกหรือใช้ข้อความแทนการสัมผัสโอบกอดหรือจูบ เพื่อลดความเสี่ยงการสัมผัสเชื้อ ในกรณีที่สมาชิกในครอบครัวไม่ได้อยู่ด้วยกัน ขอให้ติดต่อพูดคุยกันทางโทรศัพท์ หรือใช้โซเชียลมีเดีย เช่น ไลน์ วิดีโอคอล เป็นต้น จะทำให้สมาชิกเกิดกำลังใจและรู้สึกว่าอยู่ใกล้กัน

 

 

3.ใช้วิธีคลายเครียดในเชิงสร้างสรรค์ เพื่อลดความเบื่อหน่ายขณะอยู่บ้าน เช่น การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อฝึกทักษะการเรียนรู้ของสมองให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธีตามความถนัด ความสนใจ และความเหมาะสมของสถานที่ เช่น ทำอาหารใหม่ตำรับที่เคยไปรับประทานนอกบ้าน หรือตำรับที่เคยรับประทานในอดีต การทำขนม เย็บปักถักร้อย ปลูกพืชผักสวนครัว ไม้ดอก ไม้ผล หรือดูแลพืชสวนไร่นา ซึ่งจะได้ทั้งความสุขใจ และความเพลิดเพลิน

 

4.ดูแลจัดบ้านที่พักอาศัยให้สะอาดและปลอดภัย ซึ่งในช่วงที่มีโรคระบาดและเชื้อโรคติดต่อกันง่าย ให้จัดสถานที่ให้เป็นสัดส่วนเพื่อลดการใกล้ชิดกัน แยกของใช้เพื่อใช้เป็นการส่วนตัว เสมือนกับว่ามีคนติดเชื้ออยู่ในบ้านแล้ว เช่น แยกผ้าเช็ดตัว ผ้าห่ม ช้อนตักอาหาร และหากมีผู้สูงอายุอยู่ในบ้านด้วย โดยเฉพาะเป็นผู้สูงอายุที่ติดบ้าน หรือติดเตียง ขอให้ใช้ผู้ดูแลคนเดิมเนื่องจากมีประสบการณ์และได้รับการฝึกทักษะการดูแลมาแล้ว ซึ่งจะทำให้ผู้สูงอายุมีความรู้สึกเคยชินได้รับการปฏิบัติในชีวิตประจำวันคงเดิม

 

 

“หากทุกบ้าน ทุกครอบครัวลงมือปฏิบัติตามคำแนะนำนี้ นอกจากจะป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจายในวงกว้างและยุติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างความอบอุ่น ความเข้มแข็งให้สถาบันครอบครัว ประการสำคัญยังเป็นการสร้างประสบการณ์ให้สมาชิกในครอบครัวได้เรียนรู้วิธีการปรับตัว สามารถอยู่อย่างปลอดภัยในช่วงที่มีวิกฤติการณ์โรคระบาดด้วย” นพ.กิตต์กวี กล่าวและว่า ขณะนี้ในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 9 ประกอบด้วย 4 จังหวัดอีสานตอนล่าง ได้แก่ นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ ทุกฝ่ายได้เร่งดำเนินการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการรณรงค์ให้ประชาชนอยู่บ้านให้มากที่สุด

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง