รีเซต

คลังเตรียม รื้อภาษีลอตใหญ่ ขึ้น "VAT"ร้อยละ 8-10

คลังเตรียม รื้อภาษีลอตใหญ่ ขึ้น "VAT"ร้อยละ 8-10
TNN ช่อง16
28 พฤศจิกายน 2568 ( 13:16 )

ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ" รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวว่า แผนการคลังระยะปานกลางได้วางสมมุติฐานไว้ว่า หากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวกลับสู่ระดับศักยภาพ อาจเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทยอยปรับขึ้น VAT อย่างไรก็ดี ย้ำว่าต้องประเมินตามสภาพเศรษฐกิจจริงในเวลานั้น ๆ ด้วย โดยคาดว่าในปี 2571 เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวกลับสู่ระดับศักยภาพ ขณะที่ในช่วงปี 2568-2569 นี้ "ยังไม่พร้อม"

ทั้งนี้  แผนการคลังระยะปานกลางไม่ได้เน้นแค่การขึ้นภาษี แต่ยังรวมถึงการลดภาษีให้ประชาชนบางกลุ่ม เช่น การเพิ่มค่าลดหย่อนสำหรับมนุษย์เงินเดือน และปรับลดค่าลดหย่อนของผู้มีรายได้สูง เพื่อให้โครงสร้างภาษีเป็นธรรมยิ่งขึ้น

ส่วนแผนการคลังระยะปานกลางที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2568 วางแนวทางการดำเนินนโยบายการคลังในระยะปานกลาง โดยภาครัฐจะมุ่งเน้นฟื้นฟูสภาพการคลังของประเทศ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางการคลังและรักษาระดับความน่าเชื่อถือของประเทศภายใต้แนวคิด "Credible"ซึ่งในด้านรายได้ จะมุ่งเน้น 1) การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ โดยนำระบบงานดิจิทัล และ Big Data มาใช้เพื่อขยายฐานภาษีและเพิ่มความแม่นยำในการตรวจสอบรายบุคคลและผู้ประกอบการ



และ 2) การดำเนินมาตรการภาษีของหน่วยงานจัดเก็บ ทั้งการปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและพิจารณาความเหมาะสมของค่าลดหย่อน การเก็บภาษีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ภาษีส่วนเพิ่ม ภาษีสรรพสามิตน้ำมัน การปรับปรุงโครงสร้างสินค้าที่สร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม การปรับปรุงโครงสร้างภาษีกลุ่ม Sin Tax ตลอดจนการเก็บอากรขาเข้าจากสินค้ามูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท 

ด้านนางอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ" เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า  การปรับขึ้น VAT เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในอนาคต ดังนั้นจึงต้องมีการเตรียมพร้อม ซึ่งจากการศึกษาในหลายประเทศ คือ ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะนำเงินไปทำอะไร และต้องมีมาตรการดูแลผลกระทบด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องมีการประกาศล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนและภาคธุรกิจปรับตัวอย่างน้อย 1 ปี


ทั้งนี้ ประเมินว่า ถ้าปรับขึ้น VAT 1% จะมีรายได้รัฐจะเพิ่มขึ้น 7-9 หมื่นล้านบาท ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในโครงการที่สำคัญได้ อย่างเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ใช้เงิน 9.1 หมื่นล้านบาท หรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ใช้ 5.6 หมื่นล้านบาท ส่วนโครงการเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดใช้ประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท ดังนั้นการมีรายได้เพิ่มขึ้นจะสามารถดูแลสวัสดิการต่าง ๆ ได้ครอบคลุมมากขึ้น


ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง