รีเซต

ด่วน! 'ชื่อตกหล่น-ขึ้นทะเบียนเกษตรกรไม่สมบูรณ์' รีบติดต่อ "เกษตรอำเภอ" ก่อนชวดรับเยียวยา 1.5 หมื่นบาท

ด่วน! 'ชื่อตกหล่น-ขึ้นทะเบียนเกษตรกรไม่สมบูรณ์' รีบติดต่อ "เกษตรอำเภอ" ก่อนชวดรับเยียวยา 1.5 หมื่นบาท
มติชน
2 พฤษภาคม 2563 ( 18:13 )
2K
14
ด่วน! 'ชื่อตกหล่น-ขึ้นทะเบียนเกษตรกรไม่สมบูรณ์' รีบติดต่อ "เกษตรอำเภอ" ก่อนชวดรับเยียวยา 1.5 หมื่นบาท
ด่วน! ‘ชื่อตกหล่น-ขึ้นทะเบียนเกษตรกรไม่สมบูรณ์’ รีบติดต่อ “เกษตรอำเภอ” ก่อนชวดรับเยียวยา 1.5 หมื่นบาท

จากกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอเงินช่วยเหลือแก่เกษตรกรโดยตรงรายละ 5,000 บาท/เดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม 2563 มีกลุ่มเป้าหมายเป็นเกษตรกรไม่เกิน 10 ล้านราย ประกอบด้วย (1) เกษตรกรเป้าหมายกลุ่มแรก ได้แก่ เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตร กรมปศุสัตว์ และกรมประมง จำนวน 8.43 ล้านราย และ (2) เกษตรกรเป้าหมาย กลุ่มที่สอง ได้แก่ เกษตรกรที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลการขึ้นทะเบียน ไม่เกิน 1.57 ล้านราย รวมวงเงินของโครงการไม่เกิน 150,000 ล้านบาท

โดยล่าสุดจากข้อมูลของกรมส่งเสริมการเกษตร พบว่ามีเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนแต่ไม่ปรากฏเลขที่บัตรประชาชน 13 หลักประมาณ 7 แสนกว่าคน

อ่าน : ด่วน!! 7แสนกว่ารายส่อชวดเงินเยียวยาเกษตรกร 1.5หมื่นบาท รีบเช็กข้อมูลลงทะเบียน

เมื่อวันที่ 2 พ.ค. แหล่งข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สำหรับ ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนเกษตรกร การรับเงินเยียวยาเกษตรกร ครัวเรือนละ 5,000 บาท 3 เดือน รวม 15,000 บาท ผู้มีสิทธิ คือ ผู้ที่ผ่านการคัดกรองตรวจสอบสิทธิตามเงื่อนไขของภาครัฐ เช่น ปลูกพืชด้วย ประมงด้วย ได้แค่ 1 สิทธิ, หากประกอบอาชีพอื่นและมีสิทธิรับเงินช่วยเหลืออื่นแล้ว ก็จะได้รับ เพียงสิทธิเดียว หรือหากเป็นเกษตรกรด้วยและทำอาชีพอื่นด้วยแล้วไม่อยู่ในกลุ่มที่ได้รับเยียวยา ก็ไม่ได้รับสิทธิ เช่น เป็นเกษตรกรและเป็นข้าราชการบำนาญด้วย เพราะข้าราชการบำนาญ ไม่ได้รับผลกระทบ เป็นต้น

สำหรับ เกษตรกรตัวจริง คนที่มีสิทธิจะได้รับเงินเยียวยาต้องไปเช็กรายชื่อที่ติดประกาศของหมู่บ้าน ไม่ต้องมาสำนักงานเกษตรอำเภอ แต่ในกรณีที่เลขบัตรประชาชนไม่ตรงกับที่ลงทะเบียนไว้ หรือไม่พบรายชื่อให้เข้าไปเช็กที่เกษตรอำเภอ แต่ต้องใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ไปในสถานที่ที่มีความเสี่ยง โดยจะต้องรีบทำก่อนวันที่ 15 พฤษภาคมนี้

ทั้งนี้ ในส่วนของคนที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ปี 2562/63 หรือได้รับการช่วยเหลือจากโครงการอื่นๆ เช่น ค่าเก็บเกี่ยว เป็นต้น เมื่อพบรายชื่อในประกาศแล้ว ให้รอ กระทรวงการคลัง พิจารณาจ่ายเงิน โดยเบื้องต้นเงินจ่ายผ่านบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และขอเตือนเกษตรกรอย่าเอาสมุดฝากของตัวเองให้ใครถือ เพื่อลดการทุจริต

แหล่งข่าวจากกระรวงเกษตรฯ กล่าวต่อว่า สำหรับ ผู้ที่มีสมุดทะเบียนเกษตรกร หรือสมุดเล่มเขียว หากเกษตรกรไม่มีเล่มมายืนยันก็ไม่เป็นไร แต่เกษตรกรต้องมีการปรับปรุงอยู่เสมอ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร จะส่งรายชื่อไปตรวจสอบสิทธิ เกษตรกรที่มีสมุดเล่มเขียวเป็นกลุ่มแรก

ขณะนี้ คนที่เคยขึ้นทะเบียนเกษตรกร ไว้เมื่อปี 2562 แต่ไม่ได้มาแจ้งปรับปรุง พบรายชื่อในประกาศแล้ว ให้รีบแจ้งปรับปรุงตามความจริงว่ายังปลูกพืชอยู่ กับผู้นำชุมชน อาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือเกษตรอำเภอ ภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 เจ้าหน้าที่จะลงไปตรวจสอบและบันทึกข้อมูลว่าท่านปรังปรุงทะเบียนเกษตรกรแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในกรณีคนที่ไม่เคยขึ้นทะเบียนเกษตรกรมาก่อน จะไม่มีชื่อในประกาศ เมื่อปลูกพืชตามเกณฑ์แล้ว 15 วัน ให้รีบไปขึ้นทะเบียนเกษตรกร ขอเอกสาร ทบก.01 จาก อกม. หรือ ผู้นำชุมชน เพื่อนำไปยื่นภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 จากนั้นเจ้าหน้าที่จะลงไปตรวจสอบแปลงของเกษตรรายนั้น เพื่อทำการขึ้นทะเบียนให้ต่อไป ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพียงเงื่อนไขของพืชเท่านั้น ส่วนเกษรกรประเภทอื่นๆ ต้องติดต่อที่เกษตรอำเภอต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง