รีเซต

True ยกระดับมาตรฐานใหม่ 5G รวมคลื่น 2600+2300MHz รายแรกในไทย แรงกว่าเดิม 80%

True ยกระดับมาตรฐานใหม่ 5G รวมคลื่น 2600+2300MHz รายแรกในไทย แรงกว่าเดิม 80%
TNN ช่อง16
31 ตุลาคม 2568 ( 17:26 )
16

ทรู คอร์ปอเรชั่น รุกสู่ภารกิจใหม่ยกระดับมาตรฐาน 5G ด้วยการทดสอบ Proof of Concept (POC) รวมคลื่น 2600 MHz และ 2300 MHz ที่เหนือกว่า เพื่อเพิ่มประสบการณ์ใช้งาน 5G ให้ดียิ่งขึ้น ผลทดสอบพบว่าประสิทธิภาพเหนือกว่าเดิมราว 80% ขณะที่บางพื้นที่ที่เปิด 5G คลื่น 2600 MHz แบบเต็มแบนด์ 90 MHz ไปก่อนหน้านี้ ให้ประสิทธิภาพดีกว่าเดิมราว 50% พร้อมเดินหน้าย้ำภาพผู้นำเครือข่าย

ทรูยืนยันการรวมโครงข่ายกับดีแทคเสร็จสิ้น (ไซต์สุดท้ายเพิ่งสวิตช์ขึ้นระบบเมื่อสุดสัปดาห์ก่อนวันงาน) ผ่านงานภาคสนามขนาดใหญ่กว่า 3,600 คน ใช้แรงงานสะสมราว 17 ล้านชั่วโมง ผู้บริหารเครือข่ายคนใหม่ “คูรัม อัชฟาค” วาง 3 หลักปฏิบัติ ความน่าเชื่อถือ (reliability) ความเหนือกว่า (superiority) และ ความสร้างสรรค์ (creativity) พร้อมโชว์แนวทางเพิ่มความเร็วด้วยการรวมคลื่นและใช้ 2600 MHz ให้ผู้ใช้ 5G ทุกคน ขณะเดียวกันฝั่งเทคโนโลยีย้ำ “งานรวมโครงข่ายไม่ใช่แค่เอาเสามาวางรวม แต่คือการออกแบบใหม่ทั้งกริด เสา และไฟเบอร์” ส่วนฝั่งแบรนด์ระบุ หลังคอนโซลิเดต เครือข่ายจะเดินเกม “ความปลอดภัยโดยค่าเริ่มต้น” และยกระดับประสบการณ์ลูกค้าเป็นหลัก

“ขึ้นระบบไซต์สุดท้ายแล้ว”งานภาคสนาม 17 ล้านชั่วโมงจบ ก่อนส่งไม้ให้ทีมเครือข่ายยุคใหม่

คุณประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)เล่าย้อนถึงเส้นทาง 2 ปีครึ่งของโปรเจ็กต์รวมโครงข่ายว่าไม่ได้เป็นเพียงการ “จับเสามาวางรวมกัน” แต่ต้องเริ่มตั้งแต่การออกแบบกริดใหม่ ไล่ตรวจคู่เสาที่ทับซ้อน วางแผนย้ายอุปกรณ์และไฟเบอร์ทีละจุด ไปจนถึงการปิด เปิดสลับสถานีแบบไทม์ไลน์นาทีต่อนาที

โดยคุณประเทศ ตันกุรานันท์ กล่าวว่าโปรเจ็กต์นี้ใช้ทีมงานรวมกว่า 3,650 คน และคิดเป็นแรงงานสะสมราว 17 ล้านชั่วโมง งานปีนขึ้น ลงเสาสูงหลายหมื่นต้นรวมระยะกว่า 2,000 กิโลเมตร โดยจำนวนจุดให้บริการที่ลูกค้าเข้าถึง ฝั่งดีแทคเพิ่มประมาณ 70% และ ฝั่งทรูเพิ่มราว 25% พร้อมการเปิดทางใช้พอร์ตความถี่ครบทั้งย่านต่ำ กลาง สูง รวมถึงการนำ ย่าน 1500 MHz (Supplemental Downlink) มาเสริมแบนด์วิดท์ดาวน์ลิงก์สำหรับพื้นที่ไกล

คุณคูรัม อัชฟาค กล่าว “เราจะทำให้ดีกว่าเมื่อวาน” 

คุณคูรัม อัชฟาค หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเครือข่าย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวกับทีมข่าว TNN Tech ว่า “ทุกวันนี้มีคนไทยกว่า 45 ล้านคนพึ่งพาเรา ทั้งเพื่อทำงาน ทำธุรกิจ และติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือทำให้เครือข่ายเชื่อถือได้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง”

เขาอธิบายหลักการทำงานของทีมเครือข่ายในสามด้านว่า

“อันดับแรกคือ ความน่าเชื่อถือ (Reliability) ลูกค้าต้องมั่นใจว่าเครือข่ายจะอยู่กับเขาเมื่อจำเป็น
ต่อมาคือ ความเหนือกว่า (Superiority) เราต้องทำให้บริการวันนี้ดีกว่าเมื่อวาน และเหนือกว่ามาตรฐานตลาด
และสุดท้ายคือ ความสร้างสรรค์ (Creativity) เราจะไม่หยุดพัฒนา ต้องคิดใหม่ ทดลองใหม่ และร่วมมือกับอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อสร้างบริการใหม่ให้ลูกค้า”

ในด้านเทคนิค คุณคูรัมเปิดเผยว่า ขณะนี้ทีมกำลังทดสอบการรวมคลื่น (Carrier Aggregation) ระหว่างคลื่นหลักที่มีอยู่กับคลื่นใหม่ ซึ่งสามารถเพิ่มความเร็วได้สูงสุดราว 80% จากการทดสอบ และยังมีการนำคลื่น 2600 MHz มาใช้ให้ครอบคลุมผู้ใช้ 5G ทั้งหมด ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นอีกประมาณ 50%

เขายังกล่าวถึงการใช้เทคโนโลยี AI และ Machine Learning ในศูนย์ปฏิบัติการเครือข่าย (NOC) ว่า “เรามีทีมที่ใช้เครื่องมือ ML วิเคราะห์รูปแบบความขัดข้องของเครือข่ายแบบเรียลไทม์ ใช้ AI ตรวจสอบคุณภาพสัญญาณ เพื่อให้มั่นใจว่าประสบการณ์ของลูกค้าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

“จากสปีดเกม สู่ประสบการณ์และความปลอดภัย”

คุณโอลิเวอร์ กิตติพงษ์ วีระเตชะ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านแบรนด์และมีเดีย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น  จำกัด (มหาชน) เชื่อว่าเทคโนโลยีที่แท้จริงไม่ใช่แค่เรื่องของความเร็วหรือคลื่นความถี่ แต่คือ พลังแห่งการเชื่อมต่อที่ส่งต่อความห่วงใยและความสุขให้กับผู้คน เพราะเบื้องหลังทุกสัญญาณที่แรงขึ้น คือความตั้งใจที่จะทำให้ชีวิตของคนไทยดีขึ้นในทุกวัน  แนวคิด "POWER UP NATION’S SMILE พร้อม! UP สัญญาณ UP ความสุข" จึงเกิดจากความเชื่อมั่นในเครือข่ายที่แข็งแกร่งขึ้น ฉลาดขึ้น และเข้าใจผู้คนมากขึ้น

โดยกล่าวว่า “วันนี้การแข่งขันเรื่องความเร็วอย่างเดียวไม่เพียงพออีกต่อไป สิ่งที่เรามุ่งเน้นคือการทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าการใช้งานเครือข่ายของทรูคือประสบการณ์ที่ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด และมีคุณค่ามากที่สุด”

เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า หลังการรวมโครงข่าย ตัวชี้วัดด้านคุณภาพเพิ่มขึ้นชัดเจน โดย ความเร็วดาวน์โหลดเฉลี่ยทั่วประเทศเพิ่มขึ้น 23% และอัปโหลดเพิ่มขึ้น 26% พร้อมระบุว่า “เรายังนำแนวคิด ‘Safety by Default’ มาใช้จริงเป็นรายแรกในอาเซียน เพื่อป้องกันภัยไซเบอร์โดยเปิดระบบความปลอดภัยอัตโนมัติให้ลูกค้าทันทีที่เปิดใช้งาน”

คุณโอลิเวอร์กล่าวปิดท้ายว่า “สิ่งที่เรากำลังทำไม่ใช่แค่สร้างเครือข่ายที่เร็วขึ้น แต่คือเครือข่ายที่เข้าใจคนมากขึ้น เราอยากให้สัญญาณของทรูเป็นสัญญาณแห่งรอยยิ้มของคนไทยทุกคน”

จากการรวมเสากว่าหมื่นไซต์ทั่วประเทศสู่การประกาศ “One Network” อย่างสมบูรณ์ ทรูและดีแทคได้เข้าสู่เฟสใหม่ของการพัฒนาเครือข่ายไทยที่ผสาน เทคโนโลยี วิศวกรรม และความเข้าใจผู้ใช้ เข้าด้วยกัน

เฟสต่อไปของเครือข่ายนี้จะไม่ใช่แค่การขยายพื้นที่สัญญาณ แต่คือการยกระดับคุณภาพ ความน่าเชื่อถือ และนวัตกรรม เพื่อให้ “เครือข่ายหนึ่งเดียวของคนไทย” เดินหน้าไปพร้อมกับเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง